เมื่อความรักแปรรูปเป็นความเกลียด อานุภาพการทำลายล้างมันร้ายแรงกว่าระเบิดปรมาณูที่บอมบ์ฮิโรชิมาถึงร้อยเท่าพันเท่า โดยเฉพาะเรื่องราวความรักในครอบครัว นับจากยุค หมออธิป กับนวลฉวี จนกระทั่งยุค หมอวิสุทธิ์ กับหมอผัสพร ทั้งสองหมอนั้นเป็นการสั่งฆ่า และฆ่าด้วยมือตัวเอง ที่อธิบายด้วยเหตุผลใด คนนอกก็อาจไม่เข้าใจเท่ากับคนที่เผชิญชะตากรรมด้วยตนเอง เช่นเดียวกับกรณีของหมอนิ่ม พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ที่ถูกกล่าวหาว่าหยิบยื่นความตายให้กับ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พนิชย์ผาติกรรม สามีตัวเอง ที่อย่างน้อยย่อมมีความผูกพันทางใจกันมาก่อน
กรณี
หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อาจารย์หมอที่มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง
มีคนไข้เชื่อถือศรัทธามากมาย มีอุปนิสัยเรียบร้อย ใจเย็น
แต่กลับพลิกผันแล่หั่นเนื้อเมียทีละชิ้นๆ เป็นเวลานานนับชั่วโมง เพื่อทำลายหลักฐาน
เป็นไปได้อย่างไร คนโดยทั่วไปไม่รีรอที่จะตัดสินว่าหมอวิสุทธิ์เป็นฆาตกรเหี้ยมโหด
ทำร้ายและฆ่าได้แม้กระทั่งเมียตัวเอง
แต่มีไม่มากคนที่จะเชื่อว่าชนวนที่ก่อให้เกิดเหตุอาจเป็นเพราะความบีบคั้นจากหมอผัสพรที่มากเกินกว่าจะรับได้
หากฟังคำอธิบายกรณีของ
เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จากสุรางค์ ดวงจินดา แม่ยายของเขาที่มีส่วนพัวพันในการจ้างวานฆ่า
“สงสารลูกสาวที่ถูกทำร้ายมาทั้งหมด 6 ปีเต็ม ถึงขั้นที่ว่ามีการเอาปืนมาขู่
และหลานที่อายุได้ 2 ขวบจะถูกตีอยู่บ่อยครั้ง หากไม่ทำตามที่นายจักรกฤษณ์บอก พอหมอนิ่มเข้าไปห้ามก็จะถูกเอาไฟจี้
ฉันในฐานะคนเป็นแม่ยอมไม่ได้ที่เห็นลูกสาวถูกทำร้ายทุกวัน จึงบอกให้ทั้งคู่เลิกกัน
แต่ทั้งสองคนไม่ยอมเลิกและให้เหตุผลว่ารักลูกและไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยก ฉันก็ยอมและทนมานานกว่า
6 ปี จนกระทั่งแม่ของเอ็กซ์เข้าแจ้งความและเอ็กซ์ถูกดำเนินคดี ฉันคิดว่าเมื่อหลุดคดีแล้วเอ็กซ์จะทำตัวดีขึ้น
แต่ยังก็ยังทำตัวเหมือนเดิม และร้ายขึ้นทุกวัน
จนกระทั่งก่อนที่จะเข้ามาแจ้งความได้ทำร้ายร่างกายหมอนิ่มจนแท้งลูก”
และเมื่อความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น
การวางแผนที่จะฆ่าเอ็กซ์ ก็ดำเนินไป โดยหมอนิ่มมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย
โดยการบอกพิกัดการเดินทางของเอ็กซ์
ในทางคดี
การจ้างวานฆ่าอดีตมือปืนทีมชาติ คดีดังปี 2556 ไม่ใช่เรื่องบันดาลโทสะ
ด้วยเหตุที่ถูกข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ซึ่งต่างจากคดีอาจารย์นิด้า
ที่ฆ่าเมียโดยกระหน่ำไม้กอล์ฟ โดยอ้างเหตุบันดาลโทสะ
คดีนั้นอาจารย์ลงมือทำร้ายในทันที ศาลตัดสินว่ากระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
แต่รอการลงโทษ แต่ด้วยถ้อยคำของนางสุรางค์ ดวงจินดา
ที่ว่าอดทนดูลูกสาวถูกทำร้ายมาถึง 6 ปี
จนกระทั่งทนไม่ไหว ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากการฆ่า
นี่จึงเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การฆ่าเกิดขึ้นแล้ว
ความผิดสำเร็จแล้ว หมอนิ่มเป็นอิสรภาพจากการถูกทำร้ายจากเอ็กซ์ ตลอดไปทั้งชีวิต
แต่อิสรภาพที่แลกมาด้วยการทำให้คนๆหนึ่งสูญหายไปจากโลกนั้น
อาจทำให้หมอนิ่มต้องสูญเสียอิสรภาพไปตลอดชีวิตเช่นกัน
เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ศาลมีนบุรี (ศาลชั้นต้น) อ่านคำพิพากษาคดีฆ่า "เอ็กซ์ จักรกฤษณ์"
มือปืนทีมชาติ โดยศาลตัดสินให้ประหารชีวิต ‘หมอนิ่ม’
ภรรยา และทนายอี๊ดคนรับงาน จำคุกตลอดชีวิต มือปืนและคนขี่ จักรยานยนต์
ส่วนแม่หมอนิ่ม ศาลได้ยกฟ้อง
คำตัดสินของศาลชั้นต้นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของคดีนี้
เพราะหมอนิ่มและทนายอี๊ดยังมีสิทธิ์ร้องขอความยุติธรรมจากศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา
ที่ตอนนี้ศาลอุทธรณ์พิจารณาให้ประกันตัวออกมาได้
แต่ในระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด สังคมอาจได้ตัดสินความผิดไปเรียบร้อยแล้ว
การตราหน้าว่าเป็นฆาตกรอาจเป็นการลงโทษที่โหดร้ายไม่ต่างจากคำสั่งประหาร
แร็ค
ลานนา อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เป็นอุทาหรณ์สอนสังคมที่มีค่านิยมทำร้ายร่างกาย
ค่านิยมที่ผู้ชายข่มเหงรังแกผู้หญิง ความรักไม่ใช่การบังคับให้รัก ความรักไม่ใช่การบังคับให้อยู่
ความรักต้องมาจากความเข้าใจ ไม่ใช่เช่นนั้น เราก็จะเห็นข่าวแบบนี้อีกบ่อยครั้ง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1111 วันที่ 6 - 12 มกราคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น