มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ” อาจเป็นคาถาป้องกันตัวสำหรับสาวโสด ที่ไม่อยากมีพันธะให้ชีวิตรุงรัง หรือยังสนุกกับงาน กับไลฟ์ลไตล์ลั้นลา จะไปไหนกับใคร อย่างไรก็ได้ โดยเฉพาะสาวโสดระดับสมองเปรื่องปราชญ์ เก่งเหนือชาย ลองดูก็ได้ ระดับรัฐมนตรี อธิบดีหญิงหลายคน ยังมีคำว่า “นางสาว” นำหน้า
คือ ถ้าไม่มีอะไรมาสะกิดใจ ก็อยู่คนเดียวได้ไม่เห็นแปลก
แต่วันสองวันนี้ กลับมีบางเรื่องที่โสดอยู่ดีๆก็มีกระแสให้คนโสดต้องเดือดร้อน
นี่อาจเป็นคำรำพึงในใจของประชาชนคนโสดก็เป็นได้
เมื่อ3-4 ปีที่ผ่านมา อยู่ๆโลกของคนโสดที่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมถูกกระตุ้นให้ตื่นเต้นด้วย แนวคิด ‘ภาษีคนโสด’
เมื่อเดือนกันยายน 2556 นักวิชาการ ม.รังสิต เสนอภาครัฐออก นโยบาย ลูกคนแรก ช่วยค่าใช้จ่าย – เก็บภาษีคนโสด แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในโครงสร้างประชากรไม่สมดุล?เพราะประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน โครงสร้างประชากรไม่สมดุล และต้องเสียงบประมาณดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก และวัยรุ่นวัยทำงานที่มีแนวโน้มเพิ่มต่ำลง
จากสถิติ ตั้งแต่ปี 2547 พบว่าสังคมไทยได้เป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว โดยมีสัดส่วนประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ถึง 10% ของประชากรรวม และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2567 ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น คือ มีสัดส่วนคนอายุเกิน 60 ปี สูงเกิน 20% ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อภาพรวมในการพัฒนาเศรษฐกิจ แรงงาน และพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชากรในประเทศ ขณะที่อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยขณะนี้ต่ำมากเพียง 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรส มีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้น ทั้งที่จริงต้องมีลูกขั้นต่ำ 2-3 คน ถึงจะเพียงพอต่อการทดแทนประชากรเดิม ....แล้วทำไมคนโสดถึงเพิ่มขึ้นละ
แหม...คุณขา น้อยคนนักที่จะตั้งหน้าตั้งตาอยากโสดมาตั้งแต่กำเนิด แต่หากผ่านช่วงอกหักรักคุดตุ๊ดยังเมิน เจ็บช้ำระกำทรวงจนคิดว่าหาดีไม่ได้ก็ไม่มีดีกว่า แถมอัตราส่วนชายต่อหญิงก็ยังไม่สมดุลกันอีก ผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิงหลายเท่า แถมผู้ชายส่วนหนึ่งก็แปลงร่างกลายเป็นหญิง บ้างก็บวชเป็นพระ บ้างก็ติดคุกมีคดีความ หักลบกลบหนี้แล้ว ก็ต้องมีผู้หญิงสวยๆให้ผู้ชายเสียดายเล่น จริงไหมละคะคุณขา
ความโสดต้องมีเหตุ แต่หากโสดสนิทแล้วยังต้องโดนภาษีอีก เราอาจเห็นม็อบคนโสดก็เป็นได้
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเรื่องนี้เป็นกระแสในโลกมโนโซเชียล เพราะสรรพากรออกมาบอกอย่างชัดเจนว่าไม่มีการเก็บภาษีคนโสดใดๆทั้งสิ้น
เรื่องคนโสดก็ควรจะเงียบหายจากกระแสเมื่อหลายปีก่อนได้ แต่ล่าสุด แนวคิดสะกิดใจต่อมโสด ก็หลุดออกมาอีกครั้งเมื่อ รมว.สาธารณสุข แถลงข่าว "โครงการส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ "
ธาตุเหล็กและวิตามินโฟลิกหรือ ‘วิตามินแสนวิเศษ’ แจกให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-34 ปี ทุกคนที่พร้อมหรือตั้งใจและวางแผนจะมีลูก พร้อมด้วยแผ่นพับความรู้และคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนการตั้งครรภ์ให้กับคู่สมรสที่มาจดทะเบียนทั่วประเทศ
ย้อนหลังไปเมื่อ 40 ปี ก่อนประเทศไทยมีการรณรงค์การคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อ อุปกรณ์นั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘ถุงยางมีชัย’ โดยเรียกชื่อตาม ‘มีชัย วีระไวทยะ’ ที่มีบทบาทมากในสมัยนั้น อีกทั้งวลีมีลูก 1 คน จนไป 7 ปี ก็เรียกได้ว่าเป็นวลีฮิตติดปากในยุคที่หนึ่งครอบครัวมีลูกเฉลี่ย 3.3 คน
กาลเวลาล่วงผ่านมาจากมีลูกมากจนกลายเป็นว่าสังคมไทยเริ่มมีลูกน้อยละ บางครอบครัวแต่งงานก็ไม่มีลูกเลยก็เยอะ คนหนุ่มสาวส่วนหนึ่งที่แต่งงานก็มัวแต่สร้างฐานะทางการเงินให้แข็งแรง ก่อนที่จะมีลูกได้ก็ปาเข้าไปเกือบสี่สิบ เฉลี่ยก็มีลูกกันคนเดียวพอ เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกมันไม่ใช่น้อยๆ
ถ้าจะกระตุ้นให้คนไทย “มีลูกเพื่อชาติ” ภาครัฐ ควรออกนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีลูกเพิ่มขึ้น เช่น รัฐช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย การเลี้ยงดูให้กับครอบครัวที่มีลูกคนแรก รวมถึงให้เงินอุดหนุน หรือลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีลูกคน 2 และ 3 ไม่ใช่แค่แจกวิตามินวิเศษ
คนโสดก็อยากทำเพื่อชาติบ้าง แต่หากถึงขั้นออกแคมเปญ “มีลูกเพื่อชาติ” ดูมันจะทำร้ายจิตใจคนโสด ที่อาจต้องขึ้นทะเบียนคนโสดเผื่อภาครัฐจะมีนโยบายจัดหาคู่ให้ด้วย ปล่อยนโยบายนี้ออกมาเมื่อไหร่ แร็ค ลานนา จะไปเข้าคิวขึ้นทะเบียนเผื่อจะได้หลุดพ้นบ่วงโสดเสียที
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1117 วันที่ 17 - 23 กุมภาพันธ์ 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น