
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร้านบ้านสวนริมน้ำ
กรีนการ์เด้น อ.แม่ทะ รุกป่าสร้างร้านอาหารใหญ่โตบนเนิน อ้างซื้อที่จับจองจากชาวบ้านในพื้นที่
แต่ไม่มีหลักฐานและเอกสารที่ทางราชการออกให้มาแสดง จึงแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
ด้านผู้ว่าฯ สั่งการ กอ.รมน.ตรวจสอบร้านในเส้นทางเดียวกัน เตือนจะปลูกสร้างอะไรให้ตรวจสอบที่ดินก่อน
เพราะต้องลงทุนจำนวนมาก
เมื่อวันที่
31 ม.ค.60 เวลา
10.30 น. พ.อ.รังสรรค์ สุวรรณ์จักร์ หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
จังหวัดลำปาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สายที่ 1 ลำปาง(กก.4 บก.ปทส.)
เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามว่าด้วยการกระทำผิดป่าไม้ สายที่ 1 ลำปาง ตำรวจ ตชด.33 เชียงใหม่
ตำรวจศูนย์ป้องกันและปราบกรามการกระทำผิดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาค 5
ตำรวจ สภ.แม่ทะ เจ้าหน้าที่ สปก.เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.19 แม่ทะ กว่า 30 นาย เข้าตรวจสอบ
ร้านบ้านสวนริมน้ำ กรีนการ์เดน ตั้งอยู่ติดถนนวชิราวุธดำเนิน หรือ
ถนนสายลำปาง-แพร่ ขาเข้าเมืองลำปาง ก.ม.ที่ 533-534 เขตบ้านปงป่าเป้า หมู่ 1 ต.วังเงิน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง หลังได้รับแจ้งว่าสถานที่แห่งนี้
ได้ทำการรุกป่าและตัดเนินเขาออก สร้างร้านอาหารเพิงพักขนาดใหญ่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อไปถึงพบคนงานกำลังจัดตกแต่งสวนและเตรียมของภายในร้านแห่งนี้
จากนั้นนายนคร อิทธิพัทธ์ดิษย์กุล อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 3 หมู่ 5 ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้
พร้อมทั้งนำหลักฐานในการซื้อขายที่ดินจากชาวบ้านมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และนำชี้พื้นที่ที่ครอบครองทั้งหมด
ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการครอบครองที่ดิน
เป็นเพียงหนังสือซื้อขายที่ดิน ที่ทำข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินรายเดิมเท่านั้น
ไม่มีเอกสารหลักฐานจากเจ้าพนักงานที่ดินออกให้ หรือโฉนด และอื่นๆที่ออกโดยราชการ อีกทั้งที่ตั้งของร้านอาหารโครงสร้างและการปรับแต่งสวนรอบๆพื้นที่พบว่ากระทำผิดอย่างชัดเจน
เนื่องจากได้ตัดเนินเขาออก และสร้างร้านอาหารขนาดใหญ่ ตกแต่งสวนปลูกต้นไม้ดอกไม้บนเนินเขาแห่งนี้
และบางส่วนพบว่าได้รุกล้ำเข้าไปในเขตน้ำแม่จางอย่างชัดเจน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการบุกรุกป่าไปทั้งหมด
2 ไร่ 2 งาน 83 ตารางวา คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ
202,130 บาท ด้านเจ้าของร้าน อ้างว่า
ตนเองไปซื้อที่ดินจากชาวบ้านในพื้นที่ ที่ชาวบ้านบอกครอบครองและทำกินมานานแล้ว
หลังซื้อที่ดินมาแล้วมาปรับปรุงตกแต่งเป็นสร้างเป็นร้านอาหารหมดเงินไปหลายล้านบาท
และเพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่ก็ต้องมาถูกจับกุม
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดตาม
พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ประกอบ 72 ตรี ฐาน ก่อสร้าง
หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่า
หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 มาตรา 108 ทวิ ฐาน เข้าไปยึดถือ ครอบครอง
รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย
หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด
หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน และ
พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535มาตรา
97
ผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใด
โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งเป็นของรัฐหรือสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไปนั้น หลังจากรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้นำส่ง พ.ต.ต.บุญเชิด วงศ์แก้ว พนักงานสอบสวน สภ.แม่ทะ
ดำเนินการกฎหมายต่อไป
ทางด้านผู้ประกอบการร้านอาหารดังกล่าว
ได้มีการชี้แจงผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า “ร้านบ้านริมน้ำ กรีน การ์เด้น ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล และไม่ใช่พื้นที่สปก.ใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ข่าวที่ออกไปมีเนื้อหาที่ค่อนข้างบิดเบือนความเป็นจริง
อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อน
ซึ่งส่งผลให้ทางร้านเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ตกเป็นจำเลยของสังคม ทางร้านยังเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติ
ไม่ได้ถูกปิดอย่างที่เป็นข่าว จึงอยากให้ได้เกิดความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร
เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนไป
ตอนนี้ทางร้านกำลังอยู่ในช่วงของการหาหลักฐานเพื่อมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้พ้นจากข้อกล่าวหา”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามเพื่อขอรายละเอียด
และได้รับแจ้งกลับมาว่าถ้าสะดวกจะติดต่อกลับ
ขณะเดียวกัน
นายสุวัฒน์ พรหมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า
กรณีข่าวการบุกจับร้านอาหาร
ขอเรียนให้ทุกคนที่จะลงทุนก่อสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ช่วยตรวจสอบที่ดินของตนเองด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่
ตรวจสอบกับป่าไม้ ที่ดินอำเภอ หรือศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ ถ้าที่ไม่ใช่โฉนดอย่าเสี่ยงเลย
เจ้าหน้าที่มีหลายหน่วยป่าไม้ ตำรวจป่าไม้ เมื่อได้รับแจ้งก็ต้องดำเนินการ ซึ่งผมเห็นว่าไม่ถูกเท่าไรนัก
ทำไมไม่ตรวจสอบจับกุมหรือบอกกล่าวก่อนลงทุน ทำให้เสียเงินหรือเจ้ง ผมได้สั่งการให้
กอ.รมน.ร่วมกับป่าไม้ ตำรวจ ตรวจสอบ ถนนเส้นดังกล่าวให้ครบถ้วนอย่าเลือกที่รักมักที่ชัง
และแจ้งเขาให้ทราบก่อน จะได้ไม่เหมือนภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ จะพยามทำให้ลำปางเป็นนครแห่งความสุข
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1115 วันที่ 3 - 9 กุมภาพันธ์ 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น