หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ได้รับการร้องเรียนจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ขอความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการขายอาหารในโรงอาหาร
โดยผู้ร้องได้ระบุในหนังสือว่า
ได้รับความเดือดร้อน จากนโยบายของผู้บริหารโรงเรียน ที่เรียกร้องให้ผู้ประกอบการ “วางเงินประมูล”
ที่กำหนดให้แต่ละร้านต้องจ่ายล่วงหน้าเป็นเงินก้อน ประมาณ 40,000-60,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของร้านอาหาร
เพื่อรับสิทธิ์การได้ขายอาหารในโรงอาหารต่อไปในปีการศึกษา 2560
ในหนังสือร้องเรียน
ระบุอีกว่า เงินก้อนดังกล่าวถือว่าเป็นวงเงินที่สูงมาก
เกินกำลังที่พ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการที่ทำมาหากิน-หาเช้ากินค่ำ
จะสามารถหามาจ่ายได้ภายในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งเมื่อได้คิดคำนวณดูจากผลประกอบการที่ผ่านมา
ทำให้รู้สึกว่าการเรียกเก็บเงินก้อนดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่สูงขนาดนี้
ถือได้ว่าเป็นการรีดเลือดจากปู ขูดรีดจากกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจต่อรองเลยก็ว่าได้
จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อท่าน ผอ.สกล
ทะแกล้วพันธุ์ ได้โปรดกรุณาพิจารณาทบทวนการเรียกเก็บเงินก้อนดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่ง
เพราะทุกวันนี้ โรงเรียนก็เรียกเก็บเงินรายวันโดยการหักเปอร์เซ็นต์
ร้อยละ 12
ของยอดขายทั้งหมดในแต่ละวัน ซึ่งก็เป็นจำนวนเงินที่มากอยู่แล้ว แต่กลับยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่เก็บไปนั้น
ได้ถูกนำกลับมาพัฒนาภาพลักษณ์หรือสุขอนามัยของโรงอาหาร
ลานนาโพสต์จึงได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยัง
นายสกล ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางโรงเรียนก็ได้มีการเก็บเงินในลักษณะการวางเงินประมูลอยู่แล้ว
ซึ่งราคาร้านค้าแต่ละประเภทจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับยอดขายในแต่ละปีด้วย โดยมีผู้ประกอบการที่ค้าขายอยู่เดิมประมาณ 30
ราย ช่วงต้นเดือนมีนาคมได้มีการประชุมร่วมกันและชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้ว
ถึงรูปแบบการจ่ายเงินค่าเช่า ซึ่งรายเดิมได้อนุโลมให้ว่าไม่ต้องมีการประมูลใหม่
เนื่องจากเกรงว่าจะสู้ราคาผู้ประมูลรายใหม่ไม่ได้
จึงพิจารณาค่าเช่าตามยอดขายของปี 59 บางรายก็ได้ราคาเดิมหรืออาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่บางร้านที่ยอดขายเพิ่มขึ้นราคาก็สูงขึ้น
ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกัน
ไม่ได้มีการคัดค้านใดๆ ทางโรงเรียนจึงได้เปิดประมูลให้ผู้ค้ารายใหม่เข้ามาเพียง
4 รายเท่านั้น ซึ่งมีคนเสนอให้สูงสุดถึง 1.7 แสนบาท กรณีของรายที่เพิ่มค่าที่เป็น 55,000 บาท เพราะพิจารณาตามยอดขายแล้วว่า ในช่วง 8 เดือนที่เปิดเทอม
ผู้ประกอบการมียอดขายมากขึ้น รวมประมาณ 7 แสนกว่าบาท ซึ่งถือว่าเหมาะสมแล้ว โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.60 ที่ผ่านมาก็ได้มีการประชุมทำสัญญากันเรียบร้อย
รายที่พร้อมก็ได้นำเงินสดมาจ่ายครบตามจำนวน มีเพียง 7 ราย
ที่ทำเรื่องขอผ่อนผันเข้ามาชำระเป็นงวด
ทางโรงเรียนก็ยินยอมและตกลงทำสัญญากันไว้แล้ว 6 ราย เหลืออีก
1 ราย ที่ยังไม่ได้มาทำสัญญา
นายสกล
กล่าวต่อไปว่า
ดูจากหนังสือร้องเรียนแล้วมีการออกหนังสือเมื่อวันที่ 26
มี.ค. 60 ก่อนหน้าวันที่นัดทำสัญญาเพียงวันเดียว ในวันทำสัญญาก็ไม่เห็นมีผู้ประกอบการรายใดมาคัดค้าน
นอกจากนี้ยังได้มีคนสร้างเฟสบุ๊กขึ้นมาใหม่ใช้ชื่อว่า โรงอาหาร บว.
ได้ส่งข้อความเข้าในเฟสบุ๊กส่วนตัวของตนเอง แจ้งถึงเรื่องนี้ ซึ่งได้ตอบไปว่า
ให้มานั่งพูดคุยกัน แต่เขาก็ไม่มาและเงียบไปไม่ตอบกลับมาอีก เมื่อเข้าไปดูในหน้าเฟสบุ๊กของบุคคลนี้ ก็ไม่มีรูปไม่มีประวัติใดๆ
มีเพียงตนเองเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
ซึ่งก็พอจะทราบตัวว่าเป็นใคร มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้นเดือดร้อนเรื่องนี้
ผู้อำนวยโรงเรียน
กล่าวอีกว่า ตนเองได้มีการทำหลักฐานเหล่านี้ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน เนื่องจากคาดว่าเป็นเรื่องต่อเนื่องกับกรณีการออกใบปลิวโจมตี
ทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย
จึงยื่นไปเป็นหลักฐานประกอบด้วยส่วนหนึ่ง
สำหรับเรื่องคดีเดิมนั้นมีความคืบหน้าไปมาก เพราะมีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ไม่พอใจกับการทำงานของตน ซึ่งเดาได้ไม่ยาก
แต่เราก็ไม่ก้าวก่ายให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1124 วันที่ 7 - 20 เมษายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น