เกษตรกรต้นแบบชงประเด็นแก้ปัญหาสับปะรดยั่งยืน
เสนอจังหวัดหนุนเกษตรกรใช้โมเดลเพิ่มมูลค่าผลผลิตสับปะรดปลอดสารนอกฤดูกาล
พร้อมปูฐานการตลาดออนไลน์ และตลาดเกษตรปลอดภัยของลำปางรองรับอย่างเป็นรูปธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการประชุม
ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ การพัฒนาจังหวัดลำปาง
เพิ่มขีดความสามารถในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี 2562
ระหว่างวันที่ 6-7 ก.ค.2561 ณ โรงแรมเวียงลคอร อ.เมือง จ.ลำปาง
ได้มีการระดมความคิดเพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ การพัฒนาจังหวัดลำปาง
หลายประเด็น ในการนี้หัวข้อสัมมนาในเช้าวันที่ 6 ก.ค 2561
ในภาคเช้าได้มีการเสวนาแนวทางการพัฒนาจังหวัด โดยมี นายอนุวัตร ภูวเศรษฐ ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) นางปัทมา กฤษณรักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง
นายอนันต์ สีแดง ผอ.ททท.สำนักงานลำปาง นายกฤษณะ
สิทธิหาญ เกษตรกรต้นแบบ Smart Farmer ผู้ปลูกสับปะรด
เจ้าของแปลงปลูกสับปะรดอินทรีย์ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.)จังหวัดลำปางแลกเปลี่ยนแนวทางและข้อเสนอการพัฒนาลำปางร่วมกันแบบองค์รวม
นางปัทมา กฤษณรักษ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง กล่าวว่า การพัฒนาจังหวัดลำปาง
จะเป็นต้องสนับสนุนการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม
จับต้องได้ ดีกว่าการจัดอีเวนท์จัดกิจกรรมขึ้นมาแล้วต่างคนต่างกลับบ้านจบกันไปแค่งานๆไป
แต่ควรให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่น
ให้ขยับไปจากรูปแบบเดิมๆ ซึ่งไม่ส่งผลให้มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมได้
ขณะที่ นายกฤษณะ สิทธิหาญ เกษตรกรต้นแบบ Smart Farmerเกษตรกรดีเด่นระดับภาคเหนือ
วัย 42 ปี เจ้าของแปลงปลูกสับปะรดอินทรีย์
ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.)จังหวัดลำปางได้ยกประเด็นปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด
ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของจังหวัดลำปางอยู่ขณะนี้ว่า จังหวัดลำปางเป็นแหล่งปลูกสับปะรดที่สำคัญของไทย
แต่ต้องพบกับปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำมาเป็นระยะ ซ้ำๆเดิมๆ อีกทั้งที่ผ่านมายังไม่เกิดความร่วมมือให้มีกระบวนการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนอย่างจริงจัง
ซึ่งแผนพัฒนาจังหวัด
ควรให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ด้วย
โดยบรรจุลงไปในแผนระดับจังหวัดให้เกิดความร่วมมือระดับจังหวัด
ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มเกษตรกร หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสายตรงเท่านั้น
“จากประสบการณ์ที่ผมเป็นผู้ปลูกสับปะรด
และทำแปลงเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรสับปะรดมา พบว่า
ปัญหาที่เกิดกับเกษตรกรทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปกติเกษตรกรจะเริ่มปลูกลงหน่อพร้อมกันทั้งแปลง
และอีกประมาณ 12-16 เดือน
ก็จะเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายสู่ตลาดพร้อมกัน ทำให้ผลผลิตออกมามาก ราคาไม่ดี
ถึงแม้จะนำไปแปรรูปก็ไม่ทัน เกิดการเน่าเสีย ซึ่งเป็นปัญหาและความเสี่ยงของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดอย่างมาก หลังจากทดลองทดสอบทำสับปะรดนอกฤดู อยู่ 3
ปี ก็ได้คำตอบว่า การโดยทยอยปลูก และทยอยเก็บ และปลูกแบบปลอดสารเคมี
โดยใช้เทคนิคการนำเครื่องมือง่ายๆ ราคาไม่แพงจากภูมิปัญญามาเป็นเครื่องมือช่วยให้ทำเกษตรง่ายขึ้น
เหนื่อยน้อยลง ได้ผลผลิตมากขึ้น และยังได้ราคาดี ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
ทุกวันนี้ผมไม่ได้รับผลกระทบเรื่องราคาเพราะผมมีลูกค้า
มีตลาดที่รอซื้ออยู่แล้วในราคาที่สูงกว่าราคาหน้าสวนทั่วไป และสามารถกำหนดราคาได้
ซึ่งผมสร้าง “กฤษณะโมเดล” พร้อมที่จะแบ่งปันให้เพื่อนเกษตรกรนำไปพัฒนาการปลูกสับปะรดที่ทำราคาได้ปัจจุบันราคาผลผลิตแบบที่ผมทำจำหน่ายได้เฉลี่ยลูกละ 25 บาท
และได้ลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายร่วมกับบริษัทประชารัฐ รักสามัคคีลำปางแล้ว”
อย่างไรก็ตาม
นายกฤษณะ สิทธิหาญ เกษตรกรต้นแบบ ยังได้เสนอต่อที่ประชุมฯว่า
เมื่อเกิดการยกระดับพัฒนาการปลูกสับปะรดของเกษตรกรได้
เป็นเพียงต้นน้ำของการแก้ปัญหา แต่จะต้องขอรับการสนับสนุนระดับจังหวัดในเรื่องของการพัฒนาการตลาด
โดยใช้เทคโนโลยี การตลาดออนไลน์มา ซึ่งอาจจะพัฒนาไปจนถึงการสร้างแอพลิเคชั่น
ต่างๆมาช่วยสร้างฐานการตลาดแบบออนไลน์ให้เป็นช่องทางการเข้าถึงกันของผู้ซื้อและผู้ขาย
ขณะเดียวกันต้องสร้างพื้นที่การตลาดแบบออฟไลน์
ซึ่งหมายถึงตลาดปลอดภัยในตัวเมืองลำปาง โดยให้เกษตรกรที่ปลูกพืชปลอดภัยทุกกลุ่ม
มีพื้นที่ขายที่แท้จริง มีรายได้จากการขายปลีก แปรรูป เพิ่มช่องทาง เพิ่มจากรอขายส่งหน้าสวน
ก็เป็นขวัญและกำลังใจในการยกระดับการปลูกแบบยั่งยืน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1136 วันที่ 7 - 13 กรกฎาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น