มันจะดีแค่ไหน
ถ้าคนในชุมชนมีที่ทำกินและอาชีพที่ยั่งยืนอยู่ในชุมชนของตนเองโดยไม่ต้องออกไปล่าฝันแย่งชิงรายได้ที่มีต้นทุนทางสังคมสูงจากดินแดนไกลบ้าน
เช่นเดียวกับเกษตรกรกลุ่มเล็กๆ
ที่มีอาชีพเกษตรกรรมสืบเนื่องกันมาแต่ไหนแต่ไรเป็นทุนเดิม
แล้วเดินตามโครงการส่งเสริมของรัฐบาลที่สนับสนุนมาเป็นกำลังเสริมแล้วเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายกันเองเพื่อแลกเปลี่ยนผลผลิตและการตลาด
ที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้
เช่นเดียวกับโมเดลใหม่แบบบ้านๆที่กำลังเกิดขึ้น ที่ ‘คณิตสมาร์ทฟาร์ม’ ซึ่งเป็นบ้านและร้านค้าชุมชนของ
คณิต กันทะตั๋น เกษตรกรวัย 48 ปี หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
เกษตรกรดีเด่น สาขาไร่นาสวนผสม สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง กรมส่งเสริมการเกษตร
ผู้มุ่งมั่นด้านเกษตรและทำกินตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่ยอมรับในฐานะ“ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” และ “ศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
(ศพก.)” ประจำตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการตลาดและการขายผลผลิตที่ได้จากโครงการ9101
ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้พระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน
ศูนย์แห่งนี้กำลังเปิดเป็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆซึ่งจัดว่าเป็นพื้นที่นอกเมือง
แต่รูปแบบการตลาดและการขายไม่ธรรมดา เพราะผลผลิตจากเครือข่ายเกษตรกรรายเล็กๆและรายที่รวมกันเป็นกลุ่มเกษตรกร
ในโครงการ9101 ฯ ในพื้นที่ตำบลทุ่งฝาย และสินค้าเกษตรปลอดภัยพื้นที่อื่นๆในลำปาง
ทั้งผัก พืชผล ปศุสัตว์ เช่น ไก่ หมู ไข่ ไปจนถึง ปุ๋ยและสารชีวภาพต่างๆจะถูกนำออกสู่ตลาดแบบพอดีพอเพียง
ในรูปของการแลกเปลี่ยนตามราคาส่งโดยไม่ต้องซื้อขายเป็นเงิน
คล้ายกับการเทรดแบบธุรกิจบาร์เทอร์
“เกษตรกรส่วนใหญ่จะมีความถนัดและทักษะด้านการผลิต
และต้องอยู่ในพื้นที่
ดังนั้นการออกไปขายไปทำตลาดรูปแบบต่างๆกลายเป็นอุปสรรคและความยาก
แต่เมื่อผลิตแล้วก็ต้องขายให้ได้ แต่จะขายอย่างไรให้มีต้นทุนการขายต่ำที่สุด
การเอาสินค้ามาแลกกันขายในเครือข่ายของเราที่มีหน้าร้าน และมีตลาดอยู่แล้ว และผลผลิตจากเครือข่ายเราก็ซื้อขายกันเองในราคาส่ง
ใครเอาไปขายปลีกก็ได้กำไรอีกต่อหนึ่ง
นอกจากนี้ก็ขายให้กับกลุ่มแม่บ้านทำจัดเลี้ยงในงานประชุมในท้องถิ่น จึงเป็นทางออกที่ดีกว่าการขายเข้าระบบทุนตอนนี้เรามีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน
กว่า 50 รายแล้ว” คณิตบอกด้วยสีหน้าและแววตาแห่งความยินดี
ประพาส รัตนประทีป หนึ่งในคณะทำงานบริษัทประชารัฐรักสามัคคีลำปาง
และผู้ประกอบการฟาร์มผึ้งเลี้ยงพื้นที่อำเภอห้างฉัตร ผู้นำข้าวและผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งร่วมในขบวนการตลาดโมเดลนี้
บอกว่า เมื่อข้าวของเกษตรกรที่ห้างฉัตรมีมากกว่าตลาดที่เขาซื้อขายกันปกติ
ก็เอามาแลกกับไข่ไก่จากฟาร์มไข่ หรือผลผลิตอื่นที่เรามีเพื่อไปขายที่หน้าร้านชุมชนห้างฉัตร
ผลดีของกลยุทธ์การตลาดแบบแลกเปลี่ยนกัน จะเกิดผลกำไรสองต่อคือ
เกิดการซื้อขายระหว่างเครือข่ายโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อ แต่แลกกันตามมูลค่าสินค้าในราคาส่ง
และเมื่อขายสินค้าก็ได้ผลกำไรจากการขายปลีก แนวทางการตลาดแบบนี้เป็นการสร้างสายป่านการตลาดที่ยืนยาว
กิตติยา ปอนสืบ ประธานกลุ่มเลี้ยงไก่ไข่ บ้านแม่ทะ ต.ทุ่งฝาย อ.เมืองลำปาง และ และ นิลรัตน์ แก้วธรรมการณ์
กลุ่มผู้เลี้ยงนกกระทา ซึ่งนำผลผลิตเกษตรในโครงการ 9010ฯ ร่วมขายในเครือข่าย คณิตสมาร์ทฟาร์ม
กล่าวว่า การตลาดในรูปของการเชื่อมโยงเครือข่ายกัน
ช่วยแก้ปัญหาของเกษตรกรที่มีข้อจำกัดเรื่องการตลาด
และการขนส่งเดินทางออกไปขายสินค้าตามตลาด แต่ศูนย์กลาง มีข้อมูลทังผู้ซื้อ ผู้ขาย จับมาเชื่อมกันโดยขายแบบมีการสั่งซื้อ
ล่วงหน้า ช่วยให้บริหารจัดการการขายได้ง่ายประหยัดทุนและเวลาทางการตลาด
ศิริรัตน์ เศษโคตร จากศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียง
สวนสองพี่น้อง อ.เกาะคา เสริมว่า การตลาดที่ดีเป็นความหวังของเกษตรกร ดังนั้นการเกาะกลุ่มกันอย่างจิงจัง
เป็นการเกื้อหนุนกันก้าวไปสู่การตลาดที่ยั่งยืน กว่าการรอมาขายให้กับพ่อค้าคนกลาง
หรือการขายเข้าห้างใหญ่
โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้พระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งที่มาของชื่อโครงการเลข 9 หมายถึงรัชกาลที่ 9 ถึงรัชกาลที่ 10 และ เลข 1ตัวท้าย หมายถึง ปีที่หนึ่งในรัชกาลปัจจุบัน ที่น้อมนำหลักการ ทฤษฎี และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9ได้พระราชทานไว้ ด้านการปฏิรูปภาคการเกษตรให้เกิดผลสำเร็จ สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชุมโดยชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาและดำเนินโครงการให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตั้งแต่ต้นทางกลางทางจนถึงปลายทาง โดยใช้ “ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าการเกษตร” (ศพก.) เป็นศูนย์การเรียนรู้การเกษตรของชุมชน และกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกการทำงานในพื้นที่ โครงการนี้มีเป้าหมายพื้นที่ 9,101 ชุมชนทั่วประเทศ สิ้นสุดโครงการในเดือนธันวาคม 2560นี้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1153 วันที่ 3 - 9 พฤศจิกายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น