
หนุนปลูกไผ่ลำปางแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร
แจ้งข่าวดีรัฐยอมให้ใช้พื้นที่ป่าทำกินได้แต่ต้องรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็งและยื่นขออนุญาตให้ถูกต้อง
อีกทั้งมีการแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 7 ให้ปลูกไม้มีค่า ตัด
และแปรรูปในพื้นที่กรรมสิทธิ์ได้
เมื่อวันที่
20 มิ.ย.61 พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ลงพื้นที่บ้านไผ่ หมู่ 5
ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
เพื่อติดตามการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าเพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรในพื้นที่
ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม โดยส่งเสริมการปลูกไผ่
ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง มีตลาดรองรับ
สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชนได้อย่างดี
โดยมีนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ นายทรงพล
สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน
พลเอกสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า
จากนโยบายของรัฐบาลได้มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ดูแลเรื่องการใช้พื้นที่ให้ถูกกฎหมาย ซึ่งเดิมได้เน้นการศึกษากฎหมายเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดในการบุกรุกป่า
จึงทำให้เกิดคดีขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจับไม้ การบุกรุกพื้นที่ป่า
และการจับสัตว์ป่า ดังนั้นรัฐบาลหาแนวทางให้อยู่ด้วยกันอย่างสันติ คือ รัฐให้มีป่า
ประชาทำกิน ขณะนี้รัฐบาลได้หาแนวทางเพื่อที่จะให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
ซึ่งมีการประชุมเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา
โดยมีพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่าหากประชาชนอาศัยอยู่ในที่ดินใดก็ตาม
หลัง 30 มิ.ย. 41 แต่มีการอยู่รวมกลุ่มกันมีความเข้มแข็งของชุมชน
รัฐบาลยินดีอนุญาตให้อยู่ได้ โดยต้องมีการออกแบบพื้นที่ร่วมกัน
แบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่า ซึ่งในที่ประชุมรับความเห็นชอบในข้อเสนอนี้
ดังนั้น ประชาชนที่ไม่รุกป่าเพิ่มหลังเดือน พ.ค.57 ถ้าอยู่เป็นชุมชนให้ขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวมรวบข้อมูลส่งเข้าที่ประชุมให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ สำหรับ จ.ลำปาง
มีประชาชนจำนวนมากที่มีพื้นที่จัดให้อยู่ตามพื้นที่ลุ่มน้ำที่ไม่ได้บุกรุกเพิ่ม
ต้องอาศัยความร่วมมือของท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้ช่วยกันสำรวจ
เร่งรัด ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ผ่านคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นไป
พลเอกสุรศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ กำหนดว่าใน
20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีป่าไม้และพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 55 วันนี้มีป่าสมบูรณ์ 32 เปอร์เซ็นต์ 102.4 ล้านไร่ แต่คงไม่สามารถรักษาไว้ได้ทั้งหมด
แต่ก็มีมาตรการที่จะป้องกันมากมาย ทั้งดาวเทียม และแอพพลิเคชั่นพิทักษ์ไพร
ต่างๆมากมาย ส่วนที่สองคือ
การจัดการป่าไม้เพื่อการพัฒนาประเทศ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำ ถนนหนทาง โรงไฟฟ้า
โรงพยาบาลที่ใช้พื้นที่ป่า มีข้อตกลงว่าการออกแบบก่อสร้างให้กระทบพื้นที่ป่าน้อยที่สุด ส่วนที่สามคือ การจัดการป่าไม้เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคม
คือการจัดที่ทำกินให้ประชาชนที่ไม่มีที่ทำกินทั่วประเทศอย่างเท่าเทียม
อยู่ที่ความเหมาะสมของพื้นที่
นอกจากนี้
รัฐบาลเห็นชอบ พ.ร.บ.ป่าชุมชน
ซึ่งผ่านคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว
อยู่ระหว่างรอตรวจจากกฤษฎีกาเพื่อเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หากมีผลบังคับใช้จะทำให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าได้ ในพื้นที่เป้าหมาย 21,816
หมู่บ้าน และอีกเรื่องคือ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก้ไขมาตรา 7 ของ
พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
ให้สามารถปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ ตัด และแปรรูปได้ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
จะทำให้ประชาชนมีโอกาสปลูกไม้เศรษฐกิจและไม้มีค่าในพื้นที่ได้อย่างถูกกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สำหรับที่ จ. ลำปาง นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ได้มีการนำเสนอให้มีการส่งเสริมปลูกไผ่ เนื่องจากลงทุนครั้งเดียวตัดได้หลายปี เป็นการเบิกทางไปก่อน เนื่องจากไผ่มีตลาดรองรับ ปัจจุบันจะต้องคิดเรื่องการตลาดมาก่อนการผลิต เพื่อให้มีตลาดรองรับ เพราะถ้าแย่งกันปลูกแล้วสุดท้ายผลผลิตขายไม่ออก ทำให้ประสบปัญหาพืชผลราคาตก ซึ่งเกษตรกรมักประสบปัญหานี้มาโดยตลอด จึงคิดว่าไม้ไผ่การปลูกที่ จ.ลำปาง มีความเหมาะสม ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการนำพืชเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้เข้ามาปลูกเพิ่มเติมอีก อยู่ที่ชุมชนกับหน่วยงานราชการในพื้นที่จะช่วยกันหารือและหาแนวทางเพื่อส่งเสริมอย่างไรได้บ้าง
พลเอกสุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า
เมื่อรัฐบาลมีการเปลี่ยนบทบาทจากเดิมที่บงการชี้นำมาเป็นอำนวยสนับสนุน
และตกลงร่วมกันว่าประชาชนจะไม่รุกป่าเพิ่มจากนี้ และไม่มีการซื้อ ขาย จำหน่าย โอน
เชื่อว่าจะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมหลังจากเดือน
พ.ค.57 ก็จะดำเนินการจับกุมตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1184 วันที่ 22 - 28 มิถุนายน 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น