วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ยื่นนิคมสหกรณ์ฯสอบร้านกาแฟรุกลำห้วย

จำนวนผู้เข้าชม IP Address

ชาวบ้านหนองหล่ม ร้องร้านกาแฟรุกที่ลำห้วยสาธารณะ ก่อสร้างเกินจากพื้นที่ น.ส.3 เดิม  เจ้าของร้านงัดหลักฐานสู้ ยันไม่ได้รุกล้ำและไม่ขอสอบเขตที่ดิน  ศูนย์ดำรงธรรมเรียกส่วนที่เกี่ยวข้องเคลียร์ปัญหา ได้สรุปให้นิคมสหกรณ์ห้างฉัตรตรวจสอบที่ดินของตนเองให้ชัดเจน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ด้านชาวบ้านรอฟังผลหากไม่คืบหน้าจะขยับอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา นายณปวัศ  และ น.ส.ชัญญพิสิษฐ์  วุฒิกิจชูพร เจ้าของร้านกาแฟนัมเบอร์วัน คอฟฟี่ชอป  ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหล่ม หมู่ 7 ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ กรณีที่มีชาวบ้านหนองหล่ม หมู่ 7 ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ยื่นร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปางว่าตนเองได้บุกรุกพื้นที่ลำห้วยสาธารณะ หรือห้วยหมาโก้ง ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2559 และช่วงต้นปี 61 ที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่ของนิคมสหกรณ์ห้างฉัตรมาทำการรังวัดสอบเขตพื้นที่แล้ว พบว่าลำห้วยยังอยู่ตามเดิมไม่ได้ถูกรุกล้ำแต่อย่างใด พร้อมกับนำหลักฐานหนังสือรับรองประโยชน์ (น.ส.3) มาแสดงว่าตนเองเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอย่างถูกต้อง

นายณปวัศ กล่าวว่า ที่ดินผืนนี้อยู่ในพื้นที่ของนิคมสหกรณ์ห้างฉัตร  โดยตนได้ซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่งจากเจ้าของที่ ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯและได้รู้จักกันโดยบังเอิญ เนื่องจากตอนนั้นตนทำงานอยู่ที่ดินอำเภอห้างฉัตร เจ้าของที่ได้เข้ามาสอบถามว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่บริเวณใดจึงพาไปดู แต่เจ้าของเห็นว่าเป็นพื้นที่รกร้างและมีบ้านร้างอยู่หลังหนึ่ง ประกอบกับพักอาศัยอยู่ต่างจังหวัดจึงต้องการขาย ตนเองจึงขอซื้อต่อไว้โดยมีใบ น.ส.3 ให้ระบุพื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา จากนั้นจึงได้เข้ามาปรับปรุงที่และสร้างบ้านพักอาศัยในปี 58  จากนั้นจึงได้คิดจะเปิดร้านกาแฟเพื่อหารายได้เสริม และได้ก่อสร้างร้านกาแฟในปี 59 ในพื้นที่ของตนเอง แต่สร้างบนเนินติดกับริมน้ำ ต่อมาได้มีชาวบ้านยื่นร้องเรียนไปยังนิคมสหกรณ์ห้างฉัตรว่าตนเองได้รุกล้ำลำห้วยหมาโก้งที่อยู่ติดกับที่ดินของตน รวมทั้งยืนไปที่อำเภอห้างฉัตร และอบต.หนองหล่ม รวม 3 ครั้งด้วยกัน กระทั่งได้มีการนัดพูดคุยตกลงกันเมื่อวันที่ 29 พ.ย.60  ที่ อบต.หนองหล่ม ซึ่งตนมีหลักฐาน น.ส.3 ไปแสดง  ทางนิคมสหกรณ์ห้างฉัตรได้อ้างว่าเคยวัดพื้นที่สระน้ำเดิมไว้เมื่อปี 38 ไว้ว่าสระน้ำห้วยหมาโก้งมีพื้นที่เท่าไร จึงให้ที่ดินอำเภอ หรือนิคมสหกรณ์ไปวัดพื้นที่สระนำว่าอยู่ครบไหม ถ้าวัดแล้วมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปให้รื้อถอนออกไป ทุกคนในที่ประชุมก็เห็นด้วย ซึ่งตนเห็นว่าถ้าให้ที่ดินอำเภอไปวัดเกรงจะมองว่าไม่เป็นกลางเนื่องจากตนทำงานที่ดินอำเภอด้วย จึงให้ทางนิคมสหกรณ์จัดหาช่างรังวัดดำเนินการวัดเอง  จากนั้นวันที่ 9 ก.พ.61  เวลา 09.00 น. ทางผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านมาเป็นสักขีพยานในการรังวัดที่ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเข้ามารังวัดร่วมกัน ในวันนั้นมีทางฝ่ายปกครองอำเภอ ฝ่ายนิคมสหกรณ์ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ  ส.อบจ. นักข่าว ชาวบ้านผู้ร้องเรียน และชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมาสังเกตการณ์ โดยทำการรังวัดเสร็จ 11.00 น. ผลออกมาว่าสระน้ำห้วยหมาโก้งก็ยังอยู่เท่าเดิม ไม่มีการบุกรุก แต่กลุ่มชาวบ้านไม่ยินยอมผลการรังวัดดังกล่าว


นายณปวัศ กล่าวอ้างว่า ทางนิคมสหกรณ์บอกว่าไม่สามารถแจ้งความบุกรุกได้เพราะสระน้ำไม่ได้ขึ้นทะเบียนว่าเป็นของนิคมสหกรณ์ เพียงแต่อยู่ในพื้นที่ของนิคมสหกรณ์เท่านั้น การที่เปิดร้านกาแฟถ้าเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์ แล้วนำที่ดินไปทำผิดวัตถุประสงค์ก็อาจมีความผิดและยึดคืนได้ แต่หากไม่ได้เป็นสมาชิกของนิคมสหกรณ์ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งการพูดคุยกันตนได้มีการบันทึกภาพและวีดีโอไว้ด้วย หลังจากนั้นไปอีก 1 เดือน ทราบว่าทั้ง 3 ฝ่ายได้มีการเรียกประชุมพูดคุยกันโดยไม่ได้เชิญตนเข้าร่วมด้วย และเรื่องก็เงียบหายไป กระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกไปยังศูนย์ดำรงธรรมอีกครั้ง ผ่านทางรองผู้ว่าราชการจังหวัด ทางศูนย์ดำรงธรรมได้มีการเรียกตนเข้าไปพูดคุยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา และยืนยันจะให้ตนเองสอบเขตที่ดินของตัวเอง แต่ตนเห็นว่าแม้จะสอบเขตที่ดินหรือจะทำอะไรก็ตาม ชาวบ้านก็ไม่ยินยอมอย่างเดียว รวมทั้งทางนิคมสหกรณ์ก็ได้มีการตรวจสอบลำห้วยแล้วพบว่าไม่มีการบุกรุก ทำไมตนจะต้องสอบเขตพื้นที่อีก การสอบเขตจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย 7-8 พันบาท ใครจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ถ้าจะให้ตรวจสอบแต่สุดท้ายชาวบ้านไม่ยอมรับแล้วจะให้ทำไมเพื่ออะไร  ยืนยันว่าทำถูกต้องทุกอย่างไม่ได้บุกรุกลำห้วย  และตนจะไม่ไปไหนจะขอตายเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่ที่นี่

ด้านนายทองดี วุฒิ  ส.อบต.หนองหล่ม  ซึ่งร่วมดูแลการจัดสรรที่ดินมาก่อน กล่าวว่า ปี 2511 รพช.ได้เข้ามาสร้างถนน จึงได้มีการว่างท่อสูงให้กั้นลำน้ำไว้ใช้ ต่อมาได้มีการขุดสระขึ้นอีกจุดหนึ่งโดยนำดินมากองเป็นเนินไว้  จนมีการซื้อขายที่ดิน มีการปลูกบ้านพักอยู่อาศัยในปี 58 ตอนนั้นที่ไม่ได้ร้องเรียนเนื่องจากว่า พื้นที่ปลูกสร้างบ้านไม่ได้มีการรุกที่สาธารณะเข้ามา แต่ปัจจุบันทางเจ้าของร้านกาแฟได้มาปลูกสร้างบนเนินรุกล้ำที่นอกเหนือจาก น.ส.3 เดิมออกมาเยอะมาก ประเมินด้วยสายตาแล้วเกินออกมามากกว่าครึ่ง ชาวบ้านเคยเข้าไปทำมาหากิน ตอนนี้ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ มีการนำเป็ดนำห่านมาเลี้ยงกินพื้นที่หนองน้ำออกมา และมีการล้อมรั้ว สร้างสะพานข้ามหนองน้ำ  ทางกรรมการหมู่บ้านมีการประชุมและแจ้งให้รื้อถอนรั้วออก ก็ไม่ยอมเอาออก เมื่อวันที่ 9 ก.พ.61 ทางนิคมสหกรณ์ได้เข้ามาวัดจริง เห็นมีการดึงตลับเมตรกันไปมา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำกันยังไง เพราะเจ้าของร้านก็ไม่ยอมให้วัดที่ของตัวเอง ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำอย่างไรกัน จึงต้องร้องศูนย์ดำรงธรรม

 นายทองดี กล่าวว่า จากที่ได้ประชุมร่วมกันที่ศูนย์ดำรงธรรม ได้มีข้อสรุป 3 ข้อ คือ ขอให้ทางเจ้าของร้านกาแฟยื่นสอบเขตพื้นที่แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะทางเจ้าของไม่ยอมยื่นตรวจสอบ ข้อแรกจึงตกไป  ส่วนข้อที่สอง คือให้ทางนิคมสหกรณ์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ของตนเอง และข้อที่สามคือให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบตามอำนาจมาตรา 44  ซึ่งทางชาวบ้านได้มีการประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน ตกลงกันว่าจะให้ระยะเวลาไป 1 เดือนว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง หากยังนิ่งเฉยอยู่ก็จะรวมตัวกันอีกครั้ง ชาวบ้านเองก็ไม่ยอมพร้อมจะสู้ถึงที่สุด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยังนิคมสหกรณ์ห้างฉัตร ตามเบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานถึง 5 ครั้ง เพื่อจะสอบถามรายละเอียดพื้นที่ลำน้ำห้วยหมาโก้งดังกล่าว แต่ไม่มีผู้รับสายแต่อย่างใด


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1182 วันที่ 8 - 14 มิถุนายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์