ใบอนุญาตช่องทีวีดิจิทัล
7 ช่อง ที่คืน กสทช. กับปรากฎการณ์ลอยแพ ฝ่ายข่าวกว่า 70 ชีวิต ของช่อง GMM 25 ทำให้
คนงานในโรงงานอุตสาหกรรมข่าว ตกงานทันทีนับพันคน ขณะที่เจ้าของจะได้รับค่าเยียวยา ราว 3 พันล้านบาท แปลว่า ถึงแม้จะไม่มีคลื่นไว้ทำมาหากินอีกต่อไป แต่ก็พอมีความหวัง
คนงานในโรงงานอุตสาหกรรมข่าว ตกงานทันทีนับพันคน ขณะที่เจ้าของจะได้รับค่าเยียวยา ราว 3 พันล้านบาท แปลว่า ถึงแม้จะไม่มีคลื่นไว้ทำมาหากินอีกต่อไป แต่ก็พอมีความหวัง
มีเพียงคนงานหรือลูกจ้างในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลเท่านั้น
ที่มองอนาคตแล้ว ยังต้องหวั่นไหว แม้ท้ายที่สุดบริษัทคงต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
แต่ก็คงไม่มีทางใดที่จะได้รับค่าชดเชยการเลิกจ้าง มากกว่าที่กฎหมายแรงงานกำหนด
ตามคำร้องขอของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ
กสทช.หรือตามแถลงการณ์ขององค์กรวิชาชีพสื่อ
เพราะเงินเยียวยา
ก็ไม่ได้คุ้มกับการลงทุนที่จ่ายไป เป็นเรื่องปกติธรรมดาของธุรกิจ
การจ่ายเพิ่มก็จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการมากขึ้น การที่ต้องจ่ายค่าชดเชยด้วยคำขอ
มิใช่ด้วยสภาพบังคับตามกฎหมาย ย่อมเป็นเรื่องเลื่อนลอยอย่างยิ่ง
ความหวังที่ลูกจ้างจะได้เงินก้อนโตเพื่อบรรเทาความเสียหาย
จากค่าใช้จ่ายประจำต่างๆที่ไม่ได้หยุดไปตามภาวะการจ้างงาน ทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกจิปาถะ ก็คงยังเป็นเงาทอดทะมึนในชีวิต ที่ทางออกคงหาได้ไม่ง่ายนัก
แล้วเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัล
ไม่มีใครพูดถึงความไม่พร้อมของ
กสทช.ไม่มีการประเมินความเสี่ยงในภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป
มีแต่ความฮึกเหิมมั่นใจ มีแต่ความฝัน และคำประกาศกับพนักงานว่า ทีวีดิจิทัล
จะนำความโชติช่วงมาสู่ทุกคน
รวมทั้งตลาดแรงงานมหาศาล
ของนักนิเทศศาสตร์รุ่นใหม่
ความตายของทีวีดิจิทัลวันนี้
ทำให้กลุ่มที่ตัดสินใจไม่ร่วมประมูลทีวีดิจิทัล เช่น กลุ่มโพสต์ และมติชน
ที่ขอมีเพียงบทบาท รับจ้างผลิตเนื้อหา มองย้อนอดีตแล้ว
ถือว่ามีวิสัยทัศน์ในการมองอนาคต ที่ไม่ลิงโลดกระโจนเข้าไปในทีวีดิจิทัล
ซึ่งในตอนนั้นเป็นความฝันของกลุ่มธุรกิจสื่อ
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่หลงผิดว่านี่คือบันไดหนีตายในยามที่สิ่งพิมพ์ซบเซา
การมาถึงของทีวีดิจิทัล
ในสถานการณ์ที่ยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์หดหาย โฆษณาลดฮวบ
ประกอบกับผลประกอบการของฟรีทีวี ที่สวนทางกับการถดถอยของรายได้หนังสือพิมพ์
ทำให้ผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ ดีดลูกคิดรางแก้ว แล้วเชื่อว่าทีวีดิจิทัล จะเป็นสื่อที่ฉุดดึงพวกเขาขึ้นมาจากหล่มโคลนแห่งความสับสนและไร้ทิศทางได้
พวกเขาคิดว่านี่คือปราสาทแห่งความหวัง
ที่จะสร้างความร่ำรวย และสนองความต้องการในการใช้สื่อทีวีดิจิทัล ทำข่าวและรายการที่สร้างสรรค์
ที่คิดฝันจะทำในตอนที่เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตงานให้เจ้าของสัมปทานทีวีเดิม
แต่ในที่สุดปราสาทแห่งความหวังกลับกลายเป็นปราสาททราย
กิจการฝั่งทีวี
ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี มีการลงทุนสร้างสตูดิโอ สถานที่ทำงานโอ่โถง
พนักงานกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ จำนวนไม่น้อย ถูกโยกย้ายไปทำทีวี
ในขณะที่มีคนจำนวนน้อยอย่างยิ่งที่ถูกทิ้งให้เฝ้าหนังสือพิมพ์
แต่แล้วในที่สุดการลงทุนอย่างมหาศาล การจ้างงานด้วยอัตราค่าจ้างที่สูงสำหรับผู้บริหาร
และคนหน้าจอ ก็ล้มครืน
กิจการล้ม คนไม่ล้ม
ผู้บริหาร ล้วนกอบโกย สร้างกำไรจากราคาหุ้นตุนไว้เป็นทุน
สร้างความมั่นคงในชีวิตต่อไปได้ แต่คนจำนวนมาก ที่อาจไม่ได้เป็นคนหน้าจอ
ไม่มีสถานะเป็นคนดัง พวกเขาต่างต้องยอมก้มหน้ารับชะตากรรม เพียงเพราะความฝันลมๆแล้งๆของคนบางคน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1229 วันที่ 17 - 23 พฤษภาคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น