วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เตรียมส่งฟ้องออมทรัพย์ครู คดีร่วมฉ้อโกง 8 ขรก. มีเอี่ยวลดขั้นเงินเดือน

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปางร้องทุกทาง หลังคดีล่าช้ากว่า 3 ปี ล่าสุดทางตำรวจยันรวบรวมส่งอัยการสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่ผลการสอบวินัย 8 ราชการมีเอี่ยวซื้อที่ดินแพง กศจ.มีมติให้กลับเข้ารับราชการและลดขั้นเงินเดือน ด้านสมาชิกครูยื่นอุทธรณ์ผลการสอบสวน รอส่วนกลางพิจารณาภายใน 90 วัน  ส่วนคดีอยู่ระหว่างรอศาลฎีกาพิจารณารับหรือไม่รับ

ปัญหาการจัดซื้อที่ 14 ไร่เศษ ที่ตั้งอยู่ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ติดห้างแม็คโครลำปาง อ.เมืองลำปาง
โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง มูลค่า 252 ล้านบาทเศษ ยังไม่จบสิ้น  ซึ่งปัจจุบันถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ เนื่องจากเรื่องยังอยู่ระหว่างคดีการฟ้องร้อง คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูชุดที่ 56  ซึ่งเป็นชุดที่ทำการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555 ในข้อหาจัดซื้อที่ดินแพงเกินจริง

ที่ผ่านมาทางสมาชิกครู ได้เกิดข้อสงสัยในการจัดซื้อที่ดินแปลงนี้ เพราะที่ดินข้างเคียงไร่ละ 5-6 ล้านบาท  ส่วนแปลงที่ซื้อไร่ละประมาณ 16 ล้านบาท รวมทั้งสหกรณ์ฯมีศักยภาพและสถานะการเงินสามารถจ่ายซื้อที่ดินได้ แต่ได้มีการจ่ายเช็คแยกย่อยกว่า 10 ฉบับ  ก่อนหน้านี้สมาชิกได้มีการสอบถามแล้วแต่ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน  จึงได้มีการแจ้งความที่ สภ.เมืองลำปาง เมื่อปี 2559 และฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง  ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินต่อสหกรณ์ฯ เป็นเงิน 126 ล้านบาท 

ขณะที่คดีอาญาเกิดความล่าช้า ผ่านมาได้ 3 ปีแล้ว ปัจจุบันยังสรุปสำนวนไม่แล้วเสร็จ

ส่วนกรณีที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปางตั้งคณะกรรมการสอบสวนโทษทางวินัย ข้าราชการซึ่งร่วมเป็นคณะกรรมการชุดที่ 56 ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว พร้อมกับมีคำสั่งให้ข้าราชการครู 8 คน ออกจากราชการไว้ก่อน  ซึ่งประกอบด้วย นายบุญเรือง นันตะกูล  ผอ.โรงเรียนนิคมสร้างตนเองกิ่วลม 3  อ.เมืองลำปาง  นายกฤตวิทย์ ใจคำลือ  ผอ.โรงเรียนสบป้าดวิทยา อ.แม่เมาะ  นายอภิสิทธิ์ ชัยเมืองมูล  ผอ.โรงเรียนบ้านจัววิทยา อ.สบปราบ นายธนพล ธนทรัพย์ทวี  ผอ.โรงเรียนแม่วะเด่นชัย อ.เถิน นายสมบัติ วันใจ ผอ.อนุบาลเกาะคา อ.เกาะคา  นายอภิรมย์ อภิวงศ์งาม  ผอ.บ้านทุ่งโป่ง  อ.เมืองปาน  นายประดิษฐ์ สัตย์มาก  ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งฮ้าง อ.แจ้ห่ม และนายสมโชค คำแสน  ข้าราชการครูเออรี่

ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 62 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบสวนได้มีมติให้อดีตคณะกรรมการที่โดนคดี 8 คน ผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงมีคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการ และลงโทษลดเงินเดือนในอัตราร้อยละ ซึ่งได้มีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ กคศ. ว่าจะเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวนศึกษาธิการจังหวัดหรือไม่

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นายนพดล อินปา ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง กล่าวว่า ในส่วนของการฟ้องคดีต่อศาลนั้น ได้มีการตัดสินคดีแล้วถึง 2 ศาล คือศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ทางฝ่ายจำเลยชดใช้เงินคืนรวมกัน 126 ล้านบาท ซึ่งทราบว่าทราบฝ่ายจำเลยได้มีการยื่นต่อศาลฎีกาแล้ว แต่ทางศาลจะรับฎีกาหรือไม่นั้นยังไม่ทราบได้  สำหรับคดีอาญาตั้งแต่ตอนเองได้เข้ามารับตำแหน่งประธาน ก็ได้ติดตามเรื่องมาโดยตลอดทุก 1-2 เดือน แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยทางสหกรณ์ฯได้แจ้งความแล้วตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันร่วม 3 ปีแล้ว คดียังไม่ได้มีการส่งฟ้องแต่อย่างใด  

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวผ่านทางสถานีประชาชน ทาง พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล รอง ผบช.ภาคได้รับมอบหมายจาก ผบช.ภาค 5 เข้ามาดูแลในเรื่องนี้  ทราบว่าจากการตรวจสอบสำนวนเบื้องต้น พบว่ายังไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องสอบผู้ร้องทุกข์เพิ่มเติม รวมทั้งขอเอกสารเพิ่มเติมเพราะเอกสารบางส่วนติดค้างอยู่ที่ ปปช.  พร้อมกันนี้ได้เรียกตัวทางประธานสหกรณ์ฯและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปสอบถามเพิ่มเติมแล้ว คาดว่าภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ จะมีการรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่งอัยการได้   

ทางด้านมติของคณะกรรมการสอบสวนวินัยนั้น  ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปาง ได้ส่งรายงานไปให้ กคศ.แล้วเมื่อ 29 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาสำนวนการสอบสวน ต้องตรวจทั้งพยานข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย เรื่องนี้มีการกระทำผิดร่วมกัน 3 เขตพื้นที่การศึกษา  รวม 8 ราย ทางผู้ถูกสอบสวนมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ใน 30 วัน  ในส่วนของการพิจารณารายงานต้องใช้เวลาตามระเบียบ 90 วัน

ด้านนายชาญ สัตตรัตนขจร  อดีตประธานคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง ชุดที่ 56 หนึ่งในผู้ถูกฟ้องคดี  เปิดเผยว่า การจัดซื้อที่ดินของสหกรณ์ออมทรัพย์ มีคณะกรรมการชุดก่อนชุดที่ 56 เป็นผู้จัดหาที่ดิน ครั้งแรกอนุมัติงบประมาณ 50 ล้าน ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ต่อมาได้มีการอนุมัติ 80 ล้านบาท แต่ก็ยังดำเนินการไม่ได้อีก  ทางคณะกรรมการชุดที่ 56 จึงได้ดำเนินการในเรื่องจัดซื้อที่ดินต่อ โดยมีการประชุมวิสามัญขึ้น และได้อนุมัติวงเงินในการจัดซื้อที่ดินรวมทั้งก่อสร้างอาคาร จำนวน 500 ล้านบาท 

ส่วนข้อสงสัยของสมาชิกที่ว่า เหตุได้จึงไม่สามารถจัดซื้อที่ดินแปลงแรก ซึ่งเป็นที่ดินของนางอำพันได้ เนื่องจากทราบว่าที่ดินของนางอำพันส่วนหนึ่งติดรับจำนอง  ผู้เสนอขายได้ตกลงว่าจะเป็นผู้ดำเนินการไถ่ถอนเอง แต่เมื่อตกลงซื้อที่ดินแล้ว ปรากฏว่าผู้ขายได้มาเสนอให้ทางสหกรณ์จ่ายเงินมัดจำให้กับผู้ขายจำนวนร้อยละ 20 แต่เมื่อตรวจสอบระเบียบของสหกรณ์ว่าด้วยเรื่องการพัสดุ สหกรณ์จะจ่ายเงินได้ไม่เกินร้อยละ 15 จึงผิดเงื่อนไขที่ได้ประกาศไป

สอบถามกรณีที่ประชุมมีมติให้ซื้อที่เดินแปลงใหญ่แปลงเดียว  นายชาญ กล่าวว่า มติไม่ได้บอกว่าให้ซื้อที่ดินแปลงเดียว การจัดซื้อในครั้งนี้ ผู้เสนอขายได้นำเสนอให้สหกรณ์ 15 ไร่ ตามราคาที่กำหนด  ตอนแรกผู้มาเสนอขายมี 1 แปลงคือแปลงด้านหน้า จึงได้มีการซื้อขายอีกแปลงหนึ่งที่ติดกัน ซึ่งมีลำเหมืองขั้นกลาง โดยได้มีการออกแบบเรื่องการใช้ที่ดิน ปัจจุบันที่ตรงนั้นลำเหมืองไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว คณะกรรมการพิจารณาว่าถ้าจัดซื้อจะสามารถพัฒนาให้ใช้ประโยชน์สูงสุดให้แก่สมาชิกได้  ส่วนเรื่องที่ดินเป็นป่าช้าเก่านั้น  ชี้แจงว่าที่ดินที่เจ้าของเดิมได้ทำการฌาปนกิจศพของคุณแม่เป็นที่ดินคนละผืนกับที่ทางสหกรณ์ได้ซื้อ ยืนยันว่าไม่ใช่ป่าช้าตามที่มีความสงสัยกัน   และอีกเรื่องคือการจ่ายเงินให้กับผู้ขายโดยการแบ่งเป็นเช็คหลายใบ เจ้าของที่ดินได้เสนอให้ออกเป็นเช็คทั้งหมด 6 ใบ ตามชื่อผู้ที่มีสิทธิในโฉนด เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินมรดกที่ต้องแบ่งกัน


นายชาญ กล่าวทิ้งท้ายว่า  สำหรับคดีการฟ้องร้องยังอยู่ในขั้นฎีกายังไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆได้ 
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1234 วันที่ 21 - 27 มิถุนายน 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์