จำนวนผู้เข้าชม
ความคิดว่าจะทำให้ภาพลักษณ์คณะรัฐมนตรีชุดใหม่
ออกมาดีที่สุดในสายตาของประชาชน เป็นความคิดที่ดีงาม หากแต่สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อาจมองข้ามไป ก็คือตัวนายกรัฐมนตรีนั่นเอง ที่เป็นภาพลักษณ์ติดลบของคณะรัฐมนตรีชุดนี้
หากจะให้ภาพพจน์คณะรัฐมนตรีดี
เป็นที่ยอมรับของประชาชน จะต้องไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ทุพพลภาพ
ทางความคิดและอารมณ์เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความไม่รู้จักพอในอำนาจ
ที่ยึดเขามา หลงคำเยินยอปอปั้นจากคนรอบข้าง ที่หวังประโยชน์ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพลิดเพลินไปกับลาภ
ยศ สรรเสริญ และใช้ความพยายามในการสร้างเครื่องมือ เพื่อกลับคืนสู่อำนาจ ส่วนหนึ่งคือการตั้งวุฒิสมาชิก
เพื่ออาศัยเสียงวุฒิสมาชิกหรือ ส.ว.ที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งมาโหวตให้
หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในการใช้อำนาจในวิถีทางประชาธิปไตย
เขาจะต้องประกาศตัวอย่างเปิดเผย และลงสู่สนามเลือกตั้งเช่นเดียวกับนักการเมืองคนอื่นๆ
ให้ประชาชนพิสูจน์ เพื่อความสง่างามในตำแหน่ง แต่ความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา เลือกที่จะเป็น “อีแอบ” จะเปิดเผยตัวเมื่อได้ชัยชนะ เท่านั้น
ยังไม่ทันแสดงตัวว่าเป็นนักการเมืองในระบบ
ก็มีพฤติกรรมน่าละอายแล้ว
สภาโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีเสียง ส.ว.250 เสียงสนับสนุน วันที่ 5 มิถุนายน จนกระทั่งวันที่ 11
เดือนเดียวกัน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
วันที่ 13 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นหัวหน้า
คสช.ที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เอื้อประโยชน์แกพวกพ้อง
แน่นอน คสช.จะสิ้นสภาพไป
ก็ต่อเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี แต่คนที่เขามีความคิด
มีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจในหลักธรรมาภิบาล เขาจะต้องตระหนักว่า
เมื่อเป็นผู้นำในวิถีทางประชาธิปไตยแล้ว แม้พวกส.ว.พวกได้ดิบได้ดี
จากการโหนอำนาจประยุทธ์ จะพยายามเอาสีข้างเข้าถู เถียงข้างๆคูๆว่า
นี่คือนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่ควรใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ
ซึ่งเป็นเครื่องมือของผู้นำเผด็จการอีกต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ใช้อำนาจเหนือกฎหมายปกติ ที่ไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไร
สั่งอุ้มคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กสทช.) หลังจากใช้อำนาจชนิดเดียวกันนี้ อุ้มกิจการทีวีดิจิทัลของเอกชน
ที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจมาแล้ว
“..ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2561 เรื่อง
การยกเลิกและระงับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ลงวันที่ 24 เมษายน
พุทธศักราช 2561 กำหนดให้กรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
ยังคงดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ตามที่จำเป็นไปพลางก่อนต่อไปตามที่กำหนดในมาตรา
42 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 “
คำสั่งนี้ส่งผลให้ กสทช.ที่มีอายุเกิน 70 ปี ตามกฎหมาย ยังคงอยู่ปฎิบัติหน้าที่ต่อไป ในขณะที่องค์การอิสระ
องค์กรมหาชนอื่นๆ เมื่อกรรมการมีอายุครบ 70 ปี
เขาต้องออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการสรรหาใหม่
และ กสทช.ที่อายุเกิน 70 เป็นทหารทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังใช้อำนาจที่เป็นปฎิปักษ์ต่อประชาธิปไตย
เอื้อประโยชน์ให้ กสทช.ที่นอกจากจะไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับประชาชนแล้ว
ยังเป็นเพียงกลุ่มคนที่รับใช้อำนาจรัฐเท่านั้น
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1234 วันที่ 21 - 27 มิถุนยน 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น