
ความวุ่นวายสับสน
เรื่องตลาดรถไฟนครลำปาง ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้ให้เช่า
กับเทศบาลนครลำปาง เป็นความมหัศจรรย์เรื่องหนึ่ง ที่สัญญาเช่าสิ้นสุดไป 3 ปีที่แล้ว ซึ่งตามกฎหมายเมื่อสิ้นสุดกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้
ฝ่ายผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าวใด ๆ ก็รู้กันว่า รฟท.ก็นำที่ดินมาจัดการใช้ประโยชน์
ฝ่ายผู้เช่าก็ไม่มีสิทธิที่จะแสวงหาผลประโยชน์ในที่ดินนั้นอีก
ถ้าเช่นนั้น
เมื่อสิ้นสุดกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้
ก็แปลว่าเป็นการเช่าที่ไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด
จะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้
แปลกอย่างยิ่งที่ทั้ง
รฟท.และเทศบาล ยังทำประหนึ่งว่าเป็นคู่สัญญากันอยู่ โดยเทศบาลยังเรียกพ่อค้า
แม่ค้าในตลาดรถไฟไปประชุม และต่อสัญญาเช่าช่วงให้ครั้งละ 3 ปี อีกทั้งมีการวัดพื้นที่ และขอขึ้นค่าเช่าอีกราว 50 % รฟท.ก็ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่เช่า
เรื่องจริงเป็นอย่างไร
จะฟังความข้างไหน ก็ยังไม่สำคัญเท่า หากสัญญาเช่าระงับไปแล้ว
คนของเทศบาลยังไปจัดเก็บค่าเช่าปกติ ทั้งเป็นค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น
และไม่มีการจ่ายค่าให้ รฟท.หมายความว่า
อาจมีกรณีทุจริตคอรัปชั่นในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง
ล่วงเลยเวลามานาน
รฟท.มีหนังสือถึงนายกิตติภูมิ นามวงศ์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง
ยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินสถานีรถไฟลำปาง แจ้งเตือนให้เทศบาลนครลำปางชำระค่าเช่า
ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมเป็นเงิน 1,762,668 บาท
แต่เทศบาลนครลำปาง เมื่อได้รับหนังสือแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม
2562 มิได้ชำระค่าเช่า ค่าต่างๆ ให้ครบถ้วน
ถือว่าเทศบาลฯไม่ประสงค์ที่จะเช่าอีกต่อไป
ดังนั้นจึงขอบอกเลิกสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวกับเทศบานครลำปาง นับตั้งแต่วันที่ 1
ก.ย.2562 เป็นต้นไป
ขอให้เทศบาลฯ นำเงินค่าเช่า
ค่าต่างๆ คือ 1) ค่าเช่าปีที่1
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2559 ถึง 31 ส.ค. 2560 เป็นเงิน 559,096 บาท 2)
ค่าเช่าปีที่2 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2560 ถึง 31 ส.ค. 2561 เป็นเงิน 587,065
บาท 3) ค่าเช่าปีที่3 ตั้งแต่วันที่ 1
ก.ย. 2561 ถึง 31 ส.ค. 2562 เป็นเงิน 616,047 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,762,568 บาท ไปชำระที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟฯ
ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค.62
นอกจากนั้น ภายในวันที่31 ส.ค.
62 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด การรถไฟฯ
จะใช้สิทธิดำเนินการฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลต่อไป
ในขณะที่นายกิตติภูมิ นามวงศ์ นายกเทศมนตรี
ต้องการยกเลิกสัญญาและไม่ยินยอมชำระค่าเช่า ค่าใช้จ่ายต่างๆให้กับการรถไฟ
โดยมีการทำหนังสือถึงผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า
อายุสัญญาเช่าได้สิ้นสุดตั้งแต่ 31 ส.ค. 59 ตามบันทึกในสัญญาเช่าที่ดินเลขที่ 901590007(ครั้งที่สิบเอ็ด)
ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2559 เมื่อการรถไฟฯไม่ได้พิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าให้กับเทศบาลฯ
และเทศบาลก็ไม่ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่เช่าดังกล่าว นับแต่วันที่ครบสัญญาเช่า
จึงมีผลให้สัญญาเช่าดังกล่าวสิ้นสุดลงและเมื่อสัญญาเช่าในสัญญาสิ้นสุดลง
กองคลังเทศบาลก็ได้หยุดดำเนินการเก็บค่าเช่าที่ในพื้นที่ตามสัญญาและไม่ได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในสัญญาเช่าอีกต่อไป
หากฟังความด้านนายกิตติภูมิ
ก็แปลว่า เทศบาลยังต้องชำระเงินค่าเช่าที่ดินจำนวน 5 แสนกว่าบาท ซึ่งอยู่ในห้วงเวลาของสัญญาเช่า หลังจากหมดสัญญาแล้ว
ก็ไม่ได้ทำสัญญาใหม่อีก รฟท.จะมาเรียกร้องค่าเช่าได้อย่างไร
เพราะสัญญาเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
แต่เหตุใด ในหนังสือทวงถามของ
รฟท.ยังเรียกเงินหลังจากสิ้นสุดสัญญาแล้วว่า เป็น “ค่าเช่า” ซึ่งถ้าไม่ได้เช่า
ไม่มีหลักฐานเอกสารการเช่าแล้วก็ไม่ต้องจ่าย แต่คำถามก็คือว่า
พ่อค้าแม่ค้าในตลาดยังยืนยันว่าจ่ายค่าเช่าให้เทศบาลในปีที่เทศบาลไม่มีสิทธิให้เช่าช่วงแล้ว
หากฟังเฉพาะข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
เรื่องราวข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ กับองค์กรบริหารท้องถิ่น
เทศบาลนครลำปางครั้งนี้ หากไม่มีเงื่อนงำ ก็มีความสับสนในเรื่องสัญญากันอยู่
แต่สุดท้ายคนที่รับชะตากรรมก็คือพ่อค้าแม่ค้าตลาดรถไฟ ที่ต้องจ่ายเงินค่าเช่าไป
แล้วอาจถูกลอยแพ หาคนรับผิดไม่ได้ในที่สุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น