
การใช้ชีวิตแบบ
Slow
Life ที่เอาแต่ชิคๆเก๋ๆ
การพัฒนาที่ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายจากการพัฒนาเทคโนโลยี
แต่กลับกลายเป็นเพิ่มภาระให้โลกใบนี้มากขึ้นเมื่อความสะดวกแลกมาด้วยขยะพลาสติกจำนวนมาก
และยิ่งสลดมากขึ้นเมื่อเห็นข่าวสัตว์ในท้องทะเลทั้งหลายต้องตายเพราะขยะพลาสติกที่คนมักง่ายทิ้งลงในท้องทะเล
เทรนด์ใหม่ในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ควรเป็นการใช้ชีวิตแบบไม่มีขยะ
(Zerowaste
Lifestyle) ที่ไม่เพียงแค่เก๋ แต่ยังชาญฉลาดและดีต่อสิ่งแวดล้อมโลก
อย่างที่กรุงเทพฯ
ทุกวันนี้เริ่มมีร้านค้าในรูปแบบ Zero-waste Shop อย่าง Refill
Station ซึ่งเป็นร้านค้าในแนวที่ต่างประเทศเรียกว่า Bulk
Store (ร้านค้าแบบเติม) สำหรับร้าน Refill Station นี้ เป็นของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดในการใช้ชีวิตแบบไม่มีขยะ ภายในร้านจะนำขวดปั๊มขนาดใหญ่ใส่พวกสบู่
ยาสระผม โลชั่น มาตั้งไว้ให้คนปั๊มลงขวดรีไซเคิลของตัวเอง
แล้วชั่งน้ำหนักซื้อไปในราคามิตรภาพ โดยเป็นสินค้าจากแบรนด์พาร์ตเนอร์
ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก หรือทำจากสมุนไพร ซึ่งเราสามารถเอาไปทดลองใช้ก่อนได้
โดยกดปั๊มตามปริมาณที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังมีชา ขนมขบเคี้ยว และไอเท็มรักโลกอย่างหลอดสแตนเลส
แชมพูก้อน แปรงสีฟันข่อย หรือด้ามแปรงไม้ไผ่ แม้กระทั่งผ้าอนามัย
พลาสติกอีกรูปแบบหนึ่งที่สังคมไทยกำลังพูดถึงและกำลังผลักดันให้มีการเลิกใช้
นั่นคือพลาสติกหุ้มฝาขวด ที่กลายสภาพเป็นเศษขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันทีที่เราเปิดขวดน้ำดื่ม
และด้วยขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา
มันจึงถูกทิ้งลงพื้นอย่างเรี่ยราดมากกว่าทิ้งลงในถังขยะ พลาสติกหุ้มฝาขวดเหล่านี้
คือตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาท่อระบายน้ำตัน น้ำท่วมขัง โดยแต่ละปี
ประเทศไทยผลิตขวดน้ำพลาสติกปีละ 4,400,000,000 ขวด ในจำนวนนี้มีน้ำดื่ม 60
เปอร์เซ็นต์ หรือ 2,600,000,000 ขวด
ที่มีพลาสติกหุ้มฝาขวด
มีผู้เปรียบเทียบอย่างเห็นภาพว่า
ถ้านำพลาสติกหุ้มฝาขวดเหล่านี้มาเรียงต่อกัน มันจะยาวถึง 260,000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถพันรอบโลกได้ 6.5 รอบ
ขยะพลาสติกนอกจากเราจะรับรู้กันโดยทั่วไปแล้วว่ามันก่อให้เกิดปัญหาโน่นนี่
แต่ลึกลงไปกว่านั้น ปัจจุบันมีการพบว่า
ไมโครพลาสติกและเส้นใยพลาสติกที่มีขนาดเล็กมากนั้น
มันสามารถแทรกซึมปนเปื้อนในธรรมชาติได้ง่าย ตั้งแต่ถูกผลิตขึ้นมา พลาสติกไม่มีทางหายไปไหน
มันสามารถแตกย่อยเป็นส่วนเล็ก ๆ จนย่อยต่อไปไม่ได้ แล้ววนเวียนเข้ามาในห่วงโซ่อาหารของเราอย่างเงียบ
ๆ
ใคร
ๆ ก็อยากสบาย แต่ปัญหาขยะพลาสติกนั้นกำลังรอการแก้ไขอย่างจริงจัง อย่าให้ความคิดที่ว่า “ขี้เกียจแบก” หรือ
“แค่นี้ไม่ช่วยอะไรหรอก” มาบั่นทอนกำลังใจในการถือกระติกน้ำออกจากบ้าน
เตรียมกล่องใส่อาหาร ปฏิเสธหลอด ถุง และช้อนส้อมพลาสติก ฯลฯ
ทุกวันนี้ในเมืองลำปางของเราเริ่มเห็นคนใช้แก้วเก็บความเย็นมาซื้อเครื่องดื่มตามร้านกาแฟกันมากขึ้น
(ก็ตั้งแต่แก้วไซซ์ใหญ่ยี่ห้อสัตว์ประหลาดแถบเทือกเขาหิมาลัยราคาถูกลงนั่นแหละ)
ไปตลาดเห็นคนถือถุงผ้ากับตะกร้ากันมากขึ้น
นักอนุรักษ์อาจคาดหวังเกินไปที่จะได้เห็นคนทุกคนหันมาลดละเลิกใช้พลาสติก
แต่เราว่า นี่ไม่ใช่เรื่องฟุ้งฝันของคนคนเดียว สักวันหนึ่งพลังเล็ก ๆ
จะเปลี่ยนโลกได้ เชื่อเถอะ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโฑสต์ ฉบับที่ 1237 วันที่ 12 - 18 กรกฎาคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น