กิตติภูมิลงพื้นที่
พูดคุยพ่อค้าแม่ค้าตลาดรถไฟ มอบสำเนาหนังสือที่ยื่นถึงการรถไฟ
สร้างความมั่นใจให้กับผู้ค้า ขณะที่กลุ่มผู้ค้ามอบดอกไม้ขอบคุณนายกเทศมนตรี พร้อมเผยเข้าใจเรื่องราวดี
ไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหา ผู้ค้ากว่า 70 ร้านยอมรับ
และค้าขายตามปกติ
เมื่อวันที่ 26
กรกฎาคม 2562 ที่ตลาดรถไฟ ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง ได้เข้าพบกับกลุ่มผู้ค้าตลาดรถไฟที่ได้เข้ารับฟังคำชี้แจงจากทางเทศบาลนครลำปางอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ได้มีการประชุมไปแล้วเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 62 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมพุทธรักษา กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
เทศบาลนครลำปาง แต่มีผู้ค้าบางรายที่ไม่ได้ไปฟังในที่ประชุม
จึงได้มีการนัดพบกันในพื้นที่ตลาดรถไฟอีกครั้ง
พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
และผู้เกี่ยวข้องได้มอบสำเนาหนังสือที่ ลป 52005/3820 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2562
เรื่อง ขอเช่าที่ดินเพื่อจัดทำเป็นสถานที่จำหน่ายของที่ระลึก อาหาร
และสินค้าพื้นเมือง ส่งถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย
ให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดตามที่ได้แจ้งไว้ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562
ขณะที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดรถไฟ
ได้มอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้เทศบาลนครลำปาง
ในดำเนินการขอเช่าที่ดินเพื่อจัดทำเป็นสถานที่จำหน่ายของที่ระลึก อาหาร
และสินค้าพื้นเมือง ต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ค้าต่อไป
สำหรับสาระสำคัญในหนังสือที่ทางเทศบาลได้ยื่นถึงการรถไฟ
ระบุว่า เนื่องจากเทศบาลนครลำปางมีหน้าที่บำรุงและส่งเสริมการทำมาหากินของราษฎรตามพระราชบัญญัติเทศบาล
พ.ศ. 2496 (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562
และได้มีราษฎรจำนวนมากเข้าไปประกอบกิจการจำหน่ายของที่ระลึก อาหาร
และสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดลำปางในที่ดินดังกล่าว ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
การบอกเลิกการเช่าที่ดินดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการทำมาหากินของราษฎรจำนวนมาก
และขัดต่อนโยบายของรัฐบาลที่จะบำรุงรักษาและส่งเสริมการทำมาหากินของราษฎร
เทศบาลนครลำปางจึงขอแจ้งความประสงค์ต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนี้
เทศบาลนครลำปางขอเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณหน้าสถานีรถไฟลำปาง มีกำหนดไม่เกิน 3 ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าเป็นต้นไป ในอัตราค่าเช่าตามบันทึกสัญญาเช่าครั้งที่ 11
ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2559 เป็นเงินปีละ
286,389 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการเช่าเพื่อจัดทำเป็นสถานที่จำหน่ายของที่ระลึก
อาหาร และสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดลำปาง
กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับการขอเช่าที่ดินดังกล่าวตามข้อ
1 ถือได้ว่าเกิดข้อพิพาทระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับเทศบาลนครลำปาง ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ส่งเรื่องข้อพิพาทไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาเสนอคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติ
ในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตามมติคณะรัฐมนตรีเวียนแจ้ง
โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ นร 0505/ว.184 ลงวันที่ 14
ธันวาคม 2549
ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่ง ของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เทศบาลนครลำปางจะยังคงครอบครองที่พิพาทและให้บริวาร ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้ารายเดิมใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวต่อไปตามเดิม
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่
30 ส.ค. 62 ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่ตลาดรถไฟ
พบผู้ค้าต่างเตรียมของมาค้าขายกันตามปกติ
เมื่อได้พูดคุยสอบถามทางกลุ่มผู้ค้า ได้กล่าว
พ่อค้าแม่ค้าในตลาดรถไฟมีอยู่ประมาณ 70 ร้าน รวมประมาณ 100 คน
ได้มีการพูดคุยกับทางเทศบาลนครลำปางเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เชิญนายกิตติภูมิ
นามวงค์ นายกเทศมนตรีมาให้พูดคุยรายละเอียดกับผู้ค้าอีกครั้ง
เพราะบางคนไมได้ไปร่วมประชุม และยังไม่เข้าใจ ประกอบกับในการประชุมไม่ได้มีโอกาสสอบถามได้สะดวกมากนัก
เพราะมีทาง สท.ร่วมสอบถามด้วย
หลังจากที่ทางนายกฯมาพูดคุยชาวบ้านก็เข้าใจ และมอบดอกไม้เป็นการขอบคุณ
ตอนนี้ผู้ค้าทราบดีว่าเรื่องเกิดจากอะไร
จะโทษทางนายกฯทางเทศบาลปัจจุบันก็ไม่ได้ เพราะเรื่องเกิดมานานเป็น 20 ปีแล้ว อย่างไรก็ต้องพึ่งพาเทศบาลอยู่ดี
ลำพังจะให้ทางกลุ่มผู้ค้าไปเช่าที่เองกับการรถไฟก็คงทำได้ยาก
เพราะโครงสร้างร้านค้าอยู่อย่างก็ต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เขากำหนด
ตอนนี้ก็ไม่ได้กลุ่มหรือเก็บเงินกองกลางกันแต่อย่างใด
เพราะไม่มีใครเป็นประธาน หากมีอะไรชำรุดเสียหาย ก็ต้องซ่อมแซมของใครของมันไป
ซึ่งก็ถือว่าตรงนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดรถไฟ
เมื่อสอบถามเรื่องที่ผู้ค้ายื่นร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด
ทางกลุ่มผู้ค้า กล่าวว่า ไม่ได้มีการยื่นร้องเรียนแต่อย่างใด
เพียงแต่เตรียมเอกสารไว้หากเกิดกรณีฉุกเฉินที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตอนนี้ทางเทศบาลได้เข้ามาเคลียร์ทำความเข้าใจกันแล้ว
สำหรับความเป็นมาการต่อสัญญาเช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เทศบาลนครลำปาง
ได้เริ่มทำสัญญาฉบับแรกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2544 มีอายุ 3 ปี
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2544
ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2547 เมื่อครบกำหนดสัญญา
ต่อมาก็จะมีการต่อสัญญาเช่าทุกปีคราวละ 1 ปี รวมทั้งหมด 11 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 วันที่ 4 พฤษภาคม 2548 ครั้งที่ 2 วันที่ 31 สิงหาคม 2550 ครั้งที่ 3
วันที่ 27 มิถุนายน 2551
ครั้งที่ 4 วันที่ 20 มีนาคม 2552 ครั้งที่ 5 วันที่ 14 มิถุนายน 2553 ครั้งที่
6 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ครั้งที่ 7 วันที่ 5 ตุลาคม 2554 ครั้งที่ 8 วันที่ 30 มกราคม 2557 ครั้งที่ 9
วันที่ 17 ตุลาคม 2557 ครั้งที่ 10 วันที่ 21 พฤษภาคม 2548
และครั้งที่ 11 วันที่ 31 ส.ค. 2559
จนกระทั่ง
การรถไฟได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ บส.58/3862/2559
วันที่ 28 มิถุนายน 2560 เรื่องขอให้ชำระค่าปรับ
ฐานกระทำการให้ผิดไปจากลักษณะทำประโยชน์ตามเงื่อนไขที่สัญญา ที่สถานีลำปาง สรุปความว่าทางการรถไฟฯได้ตรวจสอบพบว่าพื้นที่ที่ให้เทศบาลนครลำปางเช่า
ได้ทำการปลูกสร้างเพิกร้านค้าแบบชั่วคราวเพื่อจำหน่ายอาหาร จึงเป็นประโยชน์ในพื้นที่เช่าผิดไปจากเงื่อนไขตามสัญญาเช่าที่ดิน จึงคิดค่ารปับตามสัญญาเช่าที่ดิน
พร้อมตั้งเงื่อนไขว่าให้ทางเทศบาลนครลำปาง
นำเงินคาปรับมาชำระให้กับการรถไฟฯที่สถานีลำปาง ภายใน 15 วัน
นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ (เทศบาลได้รับหนังสือวันที่ 3
กรกฎาคม 2560)
พร้อมทั้งให้เทศบาลดำเนินการแก้ไขพื้นที่เช่าให้อยู่ในสภาพเดิม
และใช้ประโยชน์ตามสัญญาเช่าที่ดิน
เมื่อชำระค่าปรับแล้วการรถไฟฯจะพิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินให้กับเทศบาลฯ
ซึ่งได้มีการโต้แย้งตอบกลับกันทางเอกสารเรื่อยมา
กระทั่ง ทางการรถไฟ ได้มีหนังสือลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2562 แจ้งเตือนชำระค่าเช่าและค่าต่างๆ มายังเทศบาลนครลำปาง รวมทั้งสิ้น 1.7 ล้านบาทเศษ
โดยให้ชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 นี้
และขอให้เลิกใช้ประโยชน์พร้อมขนย้ายทรัพย์สินรวมทั้งบริวารออกจากพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
จึงทำให้เกิดปัญหากลุ่มผู้ค้าเกรงว่าจะโดนไล่ที่ออกจากตลาดรถไฟดังกล่าว ซึ่งล่าสุดทางเทศบาลและกลุ่มผู้ค้าได้มีการเจรจาตกลงกันเป็นที่เข้าใจแล้ว
ส่วนข้อพิพาทกับการรถไฟนั้น ยังคงต้องรอผลการพิจารณาจากผู้มีอำนาจต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1240 วันที่ 2 - 8 สิงหาคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น