วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562

วัดหลวงนางอย ยิ่งสวยงามยิ่งอันตราย ยิ่งสำคัญมากเท่าไหร่ยิ่งต้องธรรมดา

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากตัวเมือง ยังมีโบราณสถานกลางป่าลานแห่งหนึ่งที่ถูกอำพรางไว้มาหลายชั่วอายุคน วัดนางอย วัดหลวงนางอย วัดดอนแก้ว วัดทรายมูล วัดกอดแกด หลายชื่อถูกเรียกขานหลอกตาชาวกรุงไกล เพื่อคงรักษาไว้ซึ่งโบราณวัตถุสิ่งล้ำค่าไว้ มอบเป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลาน และในเวลานี้ถึงคราวที่โบราณสถานแห่งนี้จะเปล่งรัศมีฝ่าหมอกหนาที่ปกคลุม เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในนาม “วัดหลวงนางอย”

วัดหลวงนางอย ตั้งอยู่ที่หมู่ 10 ตำบลเสริมซ้าย อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง สร้างขึ้นราว พ.. 2200 เล่ากันว่ามีเจ้าแม่เศรษฐีนางงอยหรือนางอย ได้สร้างวัดนางอยขึ้นมา โดยมีครูบาโนเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก แต่เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ เช่น วัดนางอย วัดหลวงนางอย วัดดอนแก้ว วัดทรายมูล วัดกอดแกด เป็นต้น สาเหตุที่ชื่อวัดมีหลายชื่อนั้นเพราะว่าในสมัยที่ครูบากำวีระเป็นเจ้าอาวาส เกิดมีความกลัวว่าพวกทางใต้ (พวกที่มาจากกรุงเทพฯ) จะขึ้นมาเอาทรัพย์สินอันมีค่าของวัดไป จึงใช้วิธีนี้ในการป้องกัน เพื่อไม่ให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จัก ซึ่งต่อมาก็ได้กลับมาใช้ชื่อเดิมคือ วัดนางอย ที่ตั้งตามชื่อของเจ้าแม่เศรษฐีนางอย

ต่อมาราวปี พ..2310 สมัยที่ครูบาสุรินทร์เป็นเจ้าอาวาส พม่าได้ยกทัพมาตีหัวเมืองต่างๆ ในภาคเหนือ ซึ่งลำปางก็เป็นหนึ่งในนั้น และพม่าก็ได้มาตั้งฐานทัพอยู่ที่วัดนางอย เหตุการณ์ครั้งนั้นพม่าได้เซ่นฆ่าภิกษุ สามเณร และชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก ครูบาสุรินทร์เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จึงได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในรูปูเพื่อเอาตัวรอด (ใช้คาถาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา) ขณะที่พวกพม่าได้ยึดเอาทรัพย์สินอันมีค่าของวัดไปจนหมด จากนั้นก็ได้ทำการเผาวัด ก่อนจะเคลื่อนทัพไปที่อื่น เมื่อครูบาสุรินทร์เห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้วจึงออกจากรูปู และได้เรียกให้ชาวบ้านมาช่วยกันซ่อมแซมวัด

*หลักฐานและการค้นพบ

เมื่อปี 2515 ขณะบูรณะซ่อมแซมพระวิหารพบรอยจารึกที่วิหารที่ชื่อว่า ร..1046 และสมุดข่อยปับสาของวัดนาเดา หมู่ 6 ตำบลเสริมซ้าย อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง เขียนไว้ว่าเจ้าแม่นางอยเป็นผู้สร้างวัด สอดคล้องกับที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่า บริเวณที่เป็นที่ตั้งของวัดเป็นถิ่นที่อยู่ของชนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าลัวะดอยจง หรือละว้าดอยจง ที่มาอาศัยอยู่ในดอยจงและได้เคลื่อนย้ายมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในลุ่มน้ำแม่ต๋ำ แม่ลายอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะมีอาณาจักรล้านนาเกิดขึ้นในเวลาต่อมา เจ้าแม่เศรษฐีนางอยผู้สืบเชิ้อสายมาจากลัวะดอยจง ร่วมกับท้าวนามะวงศ์ผู้นำหมู่บ้านสร้างวัดนางอย ตามศิลปะผสมแบบพม่าและล้านนา เพราะได้รับวัฒนธรรมก่อสร้างมาจากพม่าที่เคยมาปกครองอาณาจักรล้านนาราว พ..2101-2317 และอีกหลักฐานตามตำนานของวัดไหล่หินเจ้ามหาป่า ผู้สร้างวัดไหล่หินเมื่อปี พ..2226 ได้มาดูลายฝีมือการก่อสร้างวัดหลวงนางอย และวัดลำปางหลวง พบว่าวัดหลวงนางอย เป็นวัดอันเก่าแก่ของจังหวัดลำปาง แต่นักโบราณคดีหรือนักค้นคว้าไม่ค่อยรู้จักเท่าที่ควร

*พระพุทธรูปคู่บารมี
ในช่วงหลัง พ.. 2300 หลังจากมีการกวาดต้อนผู้คนจากเมืองเชียงแสนเข้ามาอยู่ในเมืองลำปาง เจ้าแม่เศรษฐีนางอยก็ได้นำพระพุทธทองทิพย์ (พระเจ้าทองทิพย์) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดแบบเชียงแสนรุ่นหลัง มาถวายแก่วัดนางอย ต่อมาไม่นานพระพุทธรูปทองทิพย์ก็ถูกขโมยไป แต่ขโมยไม่สามารถนำไปได้ เลยเอาไปทิ้งไว้ในป่าอ้อยพื้นที่อำเภอเกาะคา เชื่อว่าด้วยเหตุนั้นก็บังเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น โดยมีฝนตก ฟ้าร้อง พอฝนหยุดตก ก็มีอีกา อีแร้งร้อง และบินเหนือบริเวณป่าอ้อย จนชาวบ้านแตกตื่น จึงพากันไปดูในป่าอ้อย ก็พบกับพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านจึงนำเอาพระพุทธรูปนั้นไปไว้ที่อำเภอเกาะคาสมัยนั้น และประกาศหาเจ้าของว่าเป็นพระของวัดไหน เมื่อชาวบ้านทราบข่าว จึงไปขอดูและรู้ว่าเป็นพระเจ้าทองทิพย์ที่หายไปจึงขอคืน หลังจากนั้นวัดหลวงนางอยก็ได้พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวบ้านนางอยกลับคืนมาจนถึงทุกวันนี้ (ปัจจุบันพระเจ้าทองทิพย์ได้ถูกเก็บรักษาอย่างไว้ดีในกุฏิของวัดหลวงนางอย)

*สะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในภาคเหนือ

เมื่อวันเวลาผันผ่านวัดหลวงนางอยก็เริ่มเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อปี พ.. 2547 ก็ได้มีกองละครเรื่อง แม่อายสะอื้น ที่คุณนุ่น วรณุช รับบทเป็นนางเอกของเรื่อง ยกกองมาถ่ายทำที่นี่ด้วย และเหตุการณ์ที่ทำให้วัดหลวงนางอยเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คงไม่พ้นเหตุการณ์เมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว เพราะเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2561 วัดหลวงนางอยได้มีการจัดงานเปิดสะพานบุญที่ยาวมี่สุดในภาคเหนือขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "ขัวเสริมบุญ หนุนป๋ารมี ศรีเมืองเสริม" ซึ่งเป็นสะพานที่พาดผ่านทุ่งนาระหว่างอุโบสถ์ (อุโบสถนี้ในสมัยก่อนเป็นอุโบสถที่ใช้ทำสังฆกรรมโดยมีชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่นในตำบลมาใช้ร่วมด้วย) และวัด ความยาวประมาณ 900 เมตร ด้วยเหตุนี้ทำให้มีศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศพากันหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชม และร่วมทำบุญเพื่อเป็นอานิสงส์ข้ามภพข้ามชาติสู่แดนสุขาวดีกันอย่างล้นหลาม ทำให้วัดหลวงนางอยเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน



ในอดีตกาลที่ผ่านมา เมื่อถึงคราวเทศกาลงานบุญในท้องถิ่น ถ้ามีการแห่ครัวตาน วัดอื่นๆ จะต้องรอขบวนครัวตานของวัดนางอยเข้าเป็นขบวนแรก แม้จะมาถึงก่อนก็ตาม เพราะวัดนางอยเป็นวัดเก่าแก่คู่กับชาวเสริมงามมาเป็นเวลาช้านาน

ปัจจุบันวัดหลวงนางอยมีพระเนมิราช ธมฺมโฆษโก เป็นเจ้าอาวาส และในวันที่ 9 เมษายน ของทุกปี จะมีประเพณีการแห่พระเจ้าทองทิพย์ขึ้น เพื่อเป็นการสักการบูชาสร้างขวัญกำลังใจ และสร้างความสามัคคีในชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงความภาคภูมิใจของชาวบ้านที่มีต่อวัดหลวงนางอย และพระพุทธรูปคู่บารมี แม้วัดหลวงนางอยจะกลายเป็นที่รู้จักแล้ว แต่วัดแห่งนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งความสงบเรียบง่ายและดำเนินทุกวันให้เป็นปกติสุข

ในอดีตมีการเรียกชื่อวัดหลวงนางอยหลายชื่อเพื่อเป็นการอำพรางไว้ไม่ให้เป็นที่รู้จักด้วยความที่กลัวว่าหากชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ถูกแพร่สะพัดออกไป จะทำให้ทรัพย์สินอันมีค่าถูกช่วงชิง วัดหลวงนางอยจึงวางตัวในนามของวัดธรรมดาที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเสมอมา เพื่อคงรักษาไว้ซึ่งสิ่งล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินเป็นเงินทองได้ เพราะ “ยิ่งสวยงามยิ่งอันตราย ยิ่งสำคัญมากเท่าไหร่ยิ่งต้องธรรมดา”

เกษณี ตั๋นตุ้ย นักศึกษาฝึกงาน สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์