วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

วิกฤตซ้ำ สังคมป่วย

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

โบราณว่าเหมือน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เศรษฐกิจซบเซามาเป็นระรอก หวังจะคึกคักเงินสะพัดช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ทุกวันนี้คนลำปางต้องเจอกับปัญหาสภาพอากาศปิด ด้วยหมอกฝุ่นควัน PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานสูงปรี๊ด แถมด้วยข่าวโรคระบาดไวรัสโคโรน่าจากจีน  ซึ่งมีคนตามกระแส แชร์ทั้งข่าวลวงข่าวปลอมกันแพร่หลายในโซเชียล ทำเอาเศรษฐกิจซบลงหนักกว่าเดิม เพราะบางส่วนเก็บตัว บางคนไม่กล้าออกมาเผชิญมลพิษนอกบ้าน กิจกรรมกลางแจ้ง ตลาดนัดเดินเล่น คลองถม หรือแม้กระทั่งถนนคนเดิน ก็เงียบเหงากว่าปกติอยู่มาก

ผลกระทบนี้ปฏิเสธไมได้ว่า คนลำปางบางส่วนย่อมตื่นตระหนกมากเป็นพิเศษ ส่งผลถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ว่าจะแก้ปัญหานี้ไหวหรือไม่?  คำถามเสียดแทงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมากมาย ว่า “แก้ไขอย่างไร..ไหวไหม..ทำอะไรบ้างไหม... ทำได้หรือเปล่า??”  อีกหลายคำถามมากมาย  ซึ่งหลายภาคส่วน ในเอกชน และประชาชน มักเสียดสีประโยค ที่อ้างขึ้นเป็นว่าคำพูดในวงประชุมที่เกี่ยวข้องกับงานแก้ปัญหาหมอกควันว่า “จะให้ผมทำยังไง?” เหมือนเป็นปัญหาโลกแตก ที่หาข้อลงตัวไม่ได้ระหว่างผู้ถามกับผู้ตอบ

ประเด็นของเรื่องฝุ่นควันในลำปางนี้ มีแต่คนมุ่งไปที่เรื่องสาเหตุจากการเผาของชาวบ้าน เกษตรกร และคนมือบอนเผาป่า  ประกาศห้ามประกาศจับรายเล็กรายน้อย เชือดไก่ให้ลิงชมกันเป็นกรณีจุ๋มจิ๋ม แต่ก็ยังดี ที่ทำให้คนไม่กล้าเผา..และลดอัตราการเพิ่มฝุ่นควันในอากาศได้ในระดับหนึ่ง 

แต่ยังไม่มีใครออกมาพูดถึง โรงงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดใหญ่และ โรงงานตามชุมชนที่มีการเผาเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตกันบ้างไหม อย่าลืมว่าสภาวะอากาศปิดให้ให้เกิดฝุ่นควันขนาดเล็กที่ตามองไม่เห็น  ก็มีองค์ประกอบ สาเหตุมาจากอื่นๆด้วยในลำปาง เช่น โรงงานที่มีการเผาปล่อยมวลฝุ่นควันขึ้นทางปล่องควัน หรือโรงงานเซรามิก ที่มีฝุ่นควันจากกระบวนการผลิตปะปนไปในอากาศกันมากน้อยแค่ไหน เคยมีใครเข้าไปวัดค่ากันบ้าง อันนี้น่าสนใจ

ประเด็นเครื่องวัดสภาพอากาศของฟากรัฐบาล กับฟากของประชาชน ที่เป็นประเด็นว่า วัดค่าได้ต่างกัน ต้องถามว่ามีฐานของสูตรการวัดค่าและแสดงผลเดียวกันหรือไม่ เพราะมันกลายเป็นเรื่องของการประโคมข่าวว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ปกปิดข้อมูล หรือพูดไม่จริง

อากาศวิกฤตเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนออกมาบ่นผ่านโซเชียล และกลายเป็นช่องทางของการเมือง ช่วงหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นจะหาพวก สร้างผลงาน หรือแม้กระทั่งโจมตีใครในภาวะชุลมุนที่ต้องเสพข้อมูลที่มีข้อเท็จจริงกันไปยาวๆ

อาจจะยากสำหรับการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง แต่การยับยั้งช่างใจ ลดการแชร์ข้อมูลแบบมันมือ ก็น่าจะชาวลดปัญหาความคลาดเคลื่อนของข่าวสารกันลงบ้าง

ลำปาง เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในกระแสใหญ่ระดับชาติเสมอ คนลำปางเองก็ต้องเรียนรู้การตรวจสอบข้อมูลก่อนจะเชื่อถือในทันที  สิ่งที่น่าสนใจว่าใครจะลุกขึ้นมาผลักดันความร่วมมือสร้างพลังหมู่ให้แก้ปัญหาเชิงบวก มากกว่าออกมาร่วมถล่มวิจารณ์ แต่ไม่ทำอะไร บ้านเมืองจะผ่านวิกฤติไปได้อย่างไร .. ใครยืนอยู่หัวแถว ก็ต้องโดนเล็งจับตา

..อย่าให้ลำปางวิกฤตซ้ำ สังคมป่วยด้วยวิจารณ์แต่ไม่ทำอะไร
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์