
วันที่ 8 กุมภาพันธุ์ 2563 นายปรารภ ลิไธสง
พาณิชย์จังหวัดลำปาง พร้อมคณะและเจ้าหน้า
ที่จาก ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ จังหวัดลำปาง
ลงพื้นที่ออกติดตามตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยในพื้นที่จังหวัดลำปาง
ร้านจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ ในพื้นที่ เขตเทศบาลนครลำปาง
ในเบื้องต้นจากการเข้าตรวจสอบร้านขายยาและเวชภัณฑ์ พบว่าสิ้นค้าเช่นหน้ากากอนามัย
ยังมีวางขายตามปกติ รวมไปถึงเจลล้างมือก็มีขายตามปกติ
เพียงพอจำหน่ายให้แก่ประชาชนชาวลำปาง
รวมไปถึงประชาชนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวพื้นที่จังหวัดลำปาง
แล้วต้องการหน้าหากอนามัย เพื่อไว้ป้องกันเชื้อโรคฝุ่นควันต่างๆเข้าสู่ร่างกาย
แต่ทั้งนี้ ทางร้านหลายแห่งได้จำกัดจำนวนการซื้อคือ ให้ได้เพียง 1 คน 1 ชุด ซึ่ง 1 ชุดมี 10 ชิ้น เพื่อที่จะได้กระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึง
โดยที่ไม่มีการกักตุนสินค้าเพราะ ได้สั่งสินค้ามาก็จะเพียงพอในการกระจายออกไปจนได้ทุกคน
นอกจากนี้ทางร้านระบุว่าได้มี นักท่องเที่ยวหรือไม่ก็นักศึกษาชาวจีน
มาซื้อหน้ากากอนามัยทีละมากๆ ซึ่งคาดว่าจะส่งไปให้ทางญาติที่ประเทศจีน
ทางร้านก็ได้อธิบายให้ฟังว่าไม่สามารถที่จะจำหน่ายให้ได้ตามที่สั่งทั้งหมดแต่ก็จะแบ่งปันไปให้เพื่อที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ซึ่งทางเขาก็เข้าใจและดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือ
นายปรารภ ลิไธสง
พาณิชย์จังหวัดลำปาง
กล่าวว่าการเข้าตรวจสอบร้านค้าเหล่านี้เนื่องจากหลังจากที่ก่อนหน้าหนี้ในพื้นที่จังหวัดลำปาง
พบว่าสินค้าหน้ากากอนามัยมีจำหน่ายน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
ระยะนี้เกิดสถานการณ์การตื่นตัวกับข่าวเชื้อไวรัสโคโรน่า
อีกทั้งสถานการณ์หมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
พื้นที่ จังหวัดลำปาง มีปัญหานานติดต่อกันหลายวัน
จึงทำให้ประชาชนมีความต้องการซื้อหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
แต่ล่าสุดสถานการณ์มลพิษทางอากาศเริ่มคลี่คลายลง
หน้ากากนามัยจึงเพียงพอต่อความต้องการในขณะนี้ ไม่ได้ขาดแคลนแล้ว
และไม่พบการกขึ้นราคาหรือกักตุนสินค้าแต่อย่างได สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง
จะออกตรวจสอบในพื้นที่เป็นประจำทุกวันจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย
พร้อมกำชับห้ามผู้ประกอบการ ห้างร้าน ห้ามกักตุนสินค้าหน้ากากอนามัย
ฉวยโอกาสปรับราคาจำหน่ายสูงเกินจริง และให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน
ซึ่งหากผู้ค้าฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายราคามีโทษปรับ 10,000 บาท
ขายแพงเกินควร กักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่าย มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และหากพบการกระทำผิดสามารถแจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้า สายด่วน 1569
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น