นับถอยหลังอีก 3 วันเข้าสู่การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จ.ลำปาง แทนตำแหน่งที่ว่าง มีผู้ท้าชิงจาก 5 คน 5 พรรคการเมือง คือ เบอร์ 1 นายวัฒนา สิทธิวัง พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 2 ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ พรรคเสรีรวมไทย เบอร์ 3 นายอำพล คำศรีวรรณ พรรคพลังท้องถิ่นไท เบอร์ 4 นายองอาจ สินอนันต์เศษฐ์ พรรคไทรักธรรม และเบอร์ 5 น.ส.ปทิตตา ชัยมูลชื่น พรรคเศรษฐกิจใหม่
แต่ที่ห้ำหั่นกันอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่ามีเพียง 2 พรรคการเมืองใหญ่ พลังประชารัฐ
และเสรีรวมไทย ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน
เข้าแข่งขันชิงเก้าอี้ ส.ส.ในครั้งนี้
โดยแต่ละฝ่ายต่างยกข้อได้เปรียบของตนเองเป็นแรงจูงใจให้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขต
4
พรรคพลังประชารัฐ
มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียง นำเสนอการได้รับเลือกเข้าเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
จะสามารถดึงงบประมาณต่างๆ เข้าสู่จังหวัดลำปางได้ต่อเนื่อง
จะทำให้จังหวัดได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในทุกด้าน โดยเน้นนโยบายการช่วยเหลือปัญหาแหล่งน้ำ
แก้ภัยแล้ง ปัญหาที่ดินทำกิน
พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวบ้าน
ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ
มีข้อได้เปรียบของการเป็นฝ่ายรัฐบาล มีแรงสนับสนุนจากบรรดารัฐมนตรี และ
ส.ส.จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งในสภาฯ
ในการลงพื้นที่หาเสียงแต่ละครั้ง ได้รับการตอบรับจากชาวบ้านอย่างอบอุ่น โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ที่ยังคงชื่นชอบนโยบายของบัตรสวัสดิการของรัฐ และการรับเงินช่วยเหลือด้านต่างๆจากรัฐบาล
ที่เป็นแรงส่งให้พรรคพลังประชารัฐได้ใจประชาชนไปไม่น้อย ซึ่งจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายวัฒนา
สิทธิวัง ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ทำคะแนนได้มากถึง 3 หมื่นกว่าคะแนน เป็นอันดับที่ 2
รองจากพรรคเพื่อไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีกระแสทางสื่อโซเชียลมีเดียร์ในกลุ่มลำปาง
กลับไม่ค่อยปลื้มพรรคพลังประชารัฐมากนัก
เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาไม่มีอะไรเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชน แต่ก็เป็นไปได้ว่าบุคคลกลุ่มนี้อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่
4
ด้าน พรรคเสรีรวมไทย นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคฯ ลงพื้นที่อยู่กินใน จ.ลำปาง ยาวนานร่วมเดือน เพื่อช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง โดยได้นำเสนอการเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หากได้เข้าไปเป็น ส.ส.แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ได้เพิ่มบุคคลที่จะเข้าไปตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในพื้นที่ จ.ลำปางได้ โดยเน้นนโยบายเกี่ยวกับ การแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน การทุจริตคอรัปชั่น และปัญหายาเสพติด
ซึ่งพรรคเสรีรวมไทยก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้แรงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาช่วยไม่น้อย หลังจากพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง พรรคเสรีรวมไทยจึงเป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวที่ลงสู้ศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.ในครั้งนี้ โดยมีความคาดหวังว่า จะได้คะแนนเดิมจากพรรคเพื่อไทยกว่า 4 หมื่นคะแนน อีกทั้งยังมีคะแนนเดิมจากพรรคอนาคตใหม่ที่จะรวมเข้ามา ส่งให้เสรีรวมไทยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ ประกอบกับแรงกระพือในโซเชียลมีเดียที่ส่งกำลังใจให้กับพรรคเสรีรวมไทยกันอย่างล้นหลาม ชนิดที่ว่าหาคำติได้น้อยนิด ยิ่งหัวหน้าพรรคอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินลงพื้นที่เองด้วยแล้ว ได้ใจชาวลำปางไปไม่มากก็น้อย ส่วนกระแสข่าวที่ว่า แกนนำสำคัญจากพรรคเพื่อไทย คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ จะลงมาเดินช่วยเสรีรวมไทยหาเสียงนั้น ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใด
ส่วนพรรคเล็ก อีก 3 พรรค
หลายคนมองว่าเป็นเพียงไม้ประดับให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีสีสันเท่านั้น
เพราะอย่างไรก็สู้คะแนนของพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรค ไม่ได้
แต่ทางผู้สมัครเองก็มีความมุ่งมั่นอยู่ โดยเฉพาะ น.ส.ปทิตตา ชัยมูลชื่น
ผู้สมัครเบอร์ 5 จากพรรคเศรษฐกิจใหม่
ที่ขยันลงพื้นที่หาเสียง แม้จะมีทีมงานช่วยหาเสียงไม่มาก แต่สาวหมวยก็ไม่ลดละ
เดินสายทั้ง 5 อำเภออย่างต่อเนื่องจนถึงโค้งสุดท้าย
สำหรับ พรรคเพื่อไทย
ที่ในครั้งแรกมีข่าวเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะส่งตัว นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และส.ส.ลำปางหลายสมัย ลงสมัครชิงเก้าอี้ในเขต 4
แทนนายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ ลูกชายที่เสียชีวิตลง จนกระทั่งถึงวันเปิดรับสมัคร วันที่ 22-26
พฤษภาคม 63 ที่ผ่านมา ได้มีกระแสข่าวอีกว่านายพินิจ
จะเดินทางมาสมัครเป็นวันสุดท้าย เพราะถือฤกษ์งามยามดี แต่สุดท้ายแล้ว นายพินิจก็ไม่ได้มาสมัครแต่อย่างใด
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักว่า หากพรรคเพื่อไทย
มีการวางตัวผู้สมัครสำรองไว้ลงเลือกตั้งในครั้งนี้ คงจะชิงเก้าอี้
ส.ส.คืนมาได้ไม่ยาก ซึ่งการที่นายพินิจ
จันทรสุรินทร์ ให้คำตอบว่ายังไม่พร้อมลงเลือกตั้ง
ในวันสุดท้ายของการรับสมัคร จึงทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเก้าอี้ไปโดยไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม ชาวลำปางไม่ต้องรอนานอีกต่อไป เพราะในวันเสาร์ที่
20 มิถุนายน 63 นี้
ก็จะได้รู้ผลกันแล้วว่า ใครจะเป็นผู้ครอบครองเก้าอี้ ส.ส.เขต 4 ลำปาง ใครจะอยู่หรือใครจะไป คงจะฟันธงไม่ได้ เพราะการเมืองสามารถพลิกแพลงได้เสมอ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น