สะใจ ดีใจ สมน้ำหน้า กลุ่มผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน ที่ถูกตำรวจสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำผสมสี และสารเคมี มีบางคนอธิบายว่า ผู้ชุมนุมฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตำรวจได้ทำตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักแล้ว ดังนั้น จึงมีความชอบธรรมที่รัฐจะจัดการใช้วิธีการเช่นนั้นกับเด็กๆในที่ชุมนุม
พวกเขาบอกว่า
นี่คือหลักการสากล ในการสลายการชุมนุม
ถูกต้องแล้วที่เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ถูกต้องแล้วที่พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ส่งสัญญาณว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่ต้องจัดการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ผู้ใหญ่ที่คิดเช่นนี้
ครูบาอาจารย์ที่คิดเช่นนี้ ล้วนไร้ความเมตตา ไร้จิตสำนึก สติปัญญามืดบอด ไม่รับรู้
ไม่เข้าใจ ไม่เคารพสิทธิและความหลากหลายของผู้คนในสังคมประชาธิปไตย และไม่รู้ว่าอีกไม่นานคนรุ่นเราก็จะล้มหายตายจากไป
สังคมนี้ ประเทศนี้ คืออนาคตของพวกเขา
เราคิดว่าเด็กถูกหลอก
เด็กโง่ เด็กรู้ไม่เท่าทันความจริง แม้กระทั่งเรื่องการใช้ความรุนแรง เราก็อ้างว่า
มันเป็นหลักสากล เจ้าหน้าที่ได้ทำตามขั้นตอนแล้ว เพื่อระงับยับยั้งสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า
“สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง” !?
พวกเขามีรถฉีดน้ำผสมสารเคมีแรงดันสูง
มีตำรวจ มีกระบอง มีอำนาจรัฐหนุนหลัง เด็กมีมือที่ว่างเปล่า ร้ายแรงที่สุดสำหรับพวกเขา
คือมือที่ชูสามนิ้ว
การใช้เครื่องฉีดน้ำกับประชาชน
จาก Guidance on Less-Lethal
Weapons ของ 0HCHR ระบุว่า ต้องใช้ในสถานการณ์ที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยอย่างร้ายแรง
ซึ่งมีแนวโน้มนำไปสู่การเสียชีวิต หรือการบาดเจ็บอย่างร้ายแรงเท่านั้น
การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ
การแสดงพลังเพื่อการต่อสู้ทางความคิดในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ และจะสลายตัวไปอีกไม่นาน
ย่อมมิใช่สถานการณ์ที่มีความร้ายแรงอย่างยิ่ง อันจะนำไปสู่การสูญเสียชีวิต
และบาดเจ็บอย่างแน่นอน
ผู้ใหญ่ที่ขาดเมตตา
ครูบาอาจารย์ที่ขาดเมตตา จะหวังให้เด็กเคารพ และเชื่อฟังคงเป็นเรื่องยากยิ่งนัก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น