จากกรณี
นายดิเรก หรือ วรเดช ก้อนกลีบ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมพวกรวม 15 คน ถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัย และทางอาญา กรณีละเว้นการจับกุมผู้บุกรุกก่อสร้างอ่างเก็บน้ำกิ่วข้าวหลาม
อ้างเก็บน้ำปงชัย อ่างเก็บน้ำแม่ทู และอ่างเก็บน้ำแม่หลวง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2557
· ป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง
ปี 57 คณะกรรมการ
ป.ป.ช.ได้มีมติว่าพฤติกรรมของนายดิเรก ก้อนกลีบ เป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง
ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง
หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยสุจริต
และฐานะกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
· กระทรวงมหาดไทยสั่งไล่ออกจากราชการ
ต่อมาว่ากระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งที่
372/2557 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2557
สั่งลงโทษไล่นายดิเรก หรือวรเดช ก้อนกลีบ ออกจากราชการ (ซึ่งนายดิเรกได้ลาออกจากราชการไปตั้งแต่วันที่
11 มีนาคม 2554) กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
· ดิเรกยื่นฟ้องศาลปกครองขอพิจารณาคำสั่งมหาดไทย
ในปี 59 นายดิเรกจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษออกจากราชการต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) แต่ ก.พ.ค.ได้มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ นายดิเรก จึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด
· ศาลตัดสินคดีอาญา
ลงโทษจำคุก 16 ปี
ขณะที่นายดิเรกและพวกได้ถูกฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค
5
จังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดทางอาญาร่วมกันไปด้วย จนกระทั่งวันที่ 5
กรกฎาคม 61 เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5
จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก นายดิเรก ก้อนกลีบ
อดีตผู้ว่าลำปาง พร้อมพวกรวม 14 ราย
โดยตัดสินลงโทษนายดิเรก ก้อนกลีบ และ นายเสริมศักดิ์ สีสันต์ อดีตนายอำเภอแม่เมาะ
ถูกตัดสินลงโทษคนละ 4 กรรมๆ และ 4 ปี รวมจำนวน 16 ปี
ส่วนจำเลยอื่นถูกตัดสินโทษลดหลั่นกันลงมา เบื้องต้นจำเลยทั้งหมด
ได้มีการยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว เพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป
· คดีทางวินัย
ศาลปกครองสั่งคืนตำแหน่ง
วันที่
3
เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 372/2557 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 ที่ลงโทษไล่ออกนายดิเรก
ก้อนกลีบ ออกจากราชการ และคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ที่วินิจฉัยยกอุทธรณ์ของนายดิเรก
ก้อนกลีบ โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ให้แก่นายดิเรก
ก้อนกลีบตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนด
· มหาดไทยยกเลิกคำสั่งลงโทษ
วันที่
17 มิถุนายน 2563
กระทรวงมหาดไทยได้ออกหนังสือคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 1500/2563 เรื่องยกเลิกคำสั่งที่ 372/2557 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 สั่งลงโทษไล่นายดิเรก หรือวรเดช
ก้อนกลีบ ออกจากราชการ ลงนามโดย
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
โดยให้เหตุผลว่า
ข้อเท็จจริงได้ปรากฏตามรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการธิการ
ประสานภารกิจสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านการปกครองท้องถิ่น
ในคณะกรรมมาธิการปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พบว่า
การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง มีสภาพแข็งแรง
สามารถรองรับและเก็บน้ำได้อย่างดี และหากมีการบริหารจัดการเพื่อนำน้ำในอ่างมาใช้ประโยชน์
จะสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ อ.แม่เมาะ และทำให้ประชาชนมีน้ำใช้เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ
ข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมป่าไม้ของนายดิเรก
ก้อนกลีบ ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ แต่กลับทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว ไม่อาจถือได้ว่านายดิเรก
กระทำการได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
แม้ว่า
นายดิเรก หรือ วรเดช ก้อนกลีบ ได้พ้นความผิดทางวินัยแล้ว
แต่ในส่วนของคดีอาญายังคงอยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นศาล
· คดีอาญา
ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษา ลดโทษ
วันที่
25
พฤศจิกายน 2563 ศาลอุทธรณ์
มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า นายดิเรก ก้อนกลีบ
จำเลยที่ 1 มีความผิด 3 กระทง
ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 10,000 บาท รวมจำคุก 3 ปี และปรับ 30,000 บาท
ส่วนนายเสริมศักดิ์ สีสันต์ จำเลยที่ 2 นายประสาน ฝ่ายคำมี จำเลยที่ 7 มีความผิดคนละ 4
กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 10,000
บาท รวมจำคุก 4 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท
นายถนอม โพธิ์วิจิตร จำเลยที่ 4 นายอำนวย ศรีบุญชู จำเลยที่ 5 และ นายธนชาติ มังกิตะ
จำเลยที่ 6 มีความผิดคนละ 2 กระทง
ลงโทษจำคุก กระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 10,000 บาท รวมจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท
นายสว่าง จาคำมา จำเลยที่ 8
นายพิสิฐ ทักษิณาพิมุข จำเลยที่ 9 นายมนตรี
จำปาคำ จำเลยที่ 10 นายปรีดา ผลดี จำเลยที่ 11
นายคำเภา บุญมา จำเลยที่ 12 นายวินัย ตันใจ จำเลยที่ 13 และ นายวิช
อินจันทร์ จำเลยที่ 14 มีความผิดคนละ 1 กระทง ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 10,000 บาท
นายมนตรี
จำปาคำ จำเลยที่ 10 นายปรีดา ผลดี จำเลยที่ 11 นายคำเภา บุญมา จำเลยที่ 12 นายวินัย ตันใจ จำเลยที่ 13 และ นายวิช
อินจันทร์ จำเลยที่ 14 ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม
คงจำคุกคนละ 8 เดือน ปรับคนละ 6,666.666 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 1ปี
และทราบว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2564 เห็นควรที่จะฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด
จำเลยทั้งหมดยังต้องต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาต่อไป
· สำหรับจำเลยในคดีนี้
ทั้งหมด 15 คน
ประกอบไปด้วย
1.นายดิเรก ก้อนกลีบ
อดีตผู้ว่าลำปาง
2.นายเสริมศักดิ์ สีสันต์
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายอำเภอแม่เมาะ,
3.นายประสาน ฝ่ายคำมี
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ปลัดอำเภอแม่เมาะ,
4.นายมงคล ธงสิบเจ็ด
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ทำหน้าที่
หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป 17 (แม่จางตอนขุน),
5.นายถนอม โพธิวิจิตร
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ทำหน้าที่
หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป 38 (ท่าสี),
6.นายอำนวย ศรีบุญชู
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 6 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่
3 (ลำปาง) ,
7.นายธนชาติ มังกิตะ
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง,
8.นายสว่าง จาคำมา
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจางเหนือ,
9.นายพิสิฐ ทักษิณาพิมุข
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาสัก,
10.นายมนตรี จำปาคำ
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง กำนันตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ,
11.นายปรีดา ผลดี
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านดง
อำเภอแม่เมาะ,
13.นายคำเภา บุญมา
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลแม่เมาะ
อำเภอแม่เมาะ,
14.นายวินัย ตันใจ ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ 3 ตำบลจางเหนือ อำเภอแม่เมาะ และ
15.นายวิช อินจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ 7 ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น