วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565

วันที่ 31 ตุลาคม วันออมแห่งชาติ

 


 วันออมแห่งชาติ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันออมแห่งชาติ” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการออม รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการออมเงิน

         ในสหรัฐอเมริกา วันที่ 26 เมษายนของทุกปี เป็นวัน National Teach Children to Save Day หรือวันสอนเด็กๆ ให้รู้จักการออมเงินแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่จากธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วประเทศจะเข้าไปสอนเด็กๆ ในโรงเรียน ให้มีทักษะในการจัดการการเงินส่วนบุคคล และปลูกฝังให้เด็กๆ เห็นความสำคัญของการออมเงินเพื่ออนาคตที่มั่นคง มีข้อมูลจาก American Bankers Association ว่าในปี 2005 นี้ มีธนาคารและสถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการนี้ มากกว่า 2,500 แห่ง ซึ่งสามารถสอนเด็กๆ ได้กว่า 321,000 คน ทั่วประเทศ
         เรื่องการออมเงิน ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเงินออมไม่เพียงแต่จะสร้างความมั่นคงส่วนบุคคล หรือส่งเสริมความสงบเรียบร้อยทางสังคม แต่ยังช่วยลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง เราในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในสังคมไทย เราก็สามารถช่วยชาติได้ ด้วยการสอนเด็กๆ ให้รู้จักการออมเงิน และปลูกฝังให้เด็กๆ มีวินัยทางการเงิน  การสอนเด็กๆ ให้รู้จักวิธีการเก็บออมอย่างชาญฉลาด ทำได้ไม่ยากอย่างเช่น ทุกครั้งที่ให้เงินเด็กๆ ต้องสอนให้เด็กๆ เก็บเงินให้เพียงพอก่อน แล้วเงินส่วนที่เหลือจากการเก็บออม จึงค่อยนำไปใช้จ่าย ตามปกติคนไทยมักจะสอนลูกหลานให้รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด เราจึงมักกำชับเด็กๆ เสมอ เวลาให้สตางค์ไปกินขนมว่า ให้ใช้เงินประหยัดๆ และเหลือมาเก็บไว้บ้าง แต่เด็กๆ มักจะลงเอยที่ไม่มีเงินเหลือกลับมาเก็บเลย เพราะทั้งขนม ทั้งของเล่นมันมีเสน่ห์ดึงดูดให้เสียสตางค์ได้ทุกครั้งไป แล้วเด็กๆ ก็จะตั้งใจว่า ไม่เป็นไร คราวหน้าค่อยเก็บเงินก็ได้ เผลอแป็บเดียวกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีเงินออมไปซะแล้ว...!!!  กุศโลบาย ในการสร้างแรงจูงใจ ให้เด็กๆ อยากออมเงินให้ได้มากๆ อีกข้อหนึ่งที่ได้ผลเสมอ ก็คือ กำหนดเงื่อนไขการออมว่า หากเด็กๆ เก็บเงินได้ 90 บาท เราจะเติมให้เป็น 100 บาท และหากจะเพิ่มเงื่อนไขให้เด็กๆ ตั้งเป้าหมายในการออมเงินด้วย ก็จะเป็นการสอนที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
           เมื่อเด็กๆ โตขึ้น ต้องให้เขารู้จักบริหารเงินของตัวเอง โดยการให้เงินเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน แล้วสอนให้เขารู้จักวางแผนการออมเงิน และแผนการใช้จ่ายเงินล่วงหน้า รวมทั้งสอนให้รู้จักวางแผนเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเด็กๆ ทำได้ตามแผนการที่วางไว้ เราควรชื่นชมและแสดงความภูมิใจในผลสำเร็จนั้น
           การสอนให้เด็กๆ เห็นความสำคัญของการวางแผนและการจัดการทางการเงิน ถือเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญยิ่ง เพราะในทุกๆ กิจกรรมในชีวิต มักมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ การเรียนรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการสร้างความมั่งคั่ง ร่ำรวย แต่เป็นไปเพื่อการสร้างความสุขและความสมดุลในชีวิต หากเราจัดการให้เกิดความสมดุลในชีวิตไม่ได้ เราอาจจะกลายเป็นทาสของเงินไปตลอดชีวิต การทำงานที่ควรจะเป็นไปเพื่อสร้างคุณค่าและการพัฒนาตนเอง ก็จะกลายเป็นการทำงานเพื่อหาเงิน....!!  ว่ากันว่า วัยที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างหรือปลูกฝังวินัย คือวัยเด็ก ถ้าอยากเห็นประเทศชาติพัฒนาอย่างยั่งยืน คงต้องร่วมมือร่วมใจกัน ส่งเสริมวัฒนธรรมการออมให้เกิดขึ้นทั้งกับเด็กๆ และตัวเราเอง.. เรามาเริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ...วันออมแห่งชาติ..31 ตุลาคม 2548......มีออม ไม่มีอด ... ไม่อด ถ้ามีออม...

ที่มา: https://www.kroobannok.com/blog/21329
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์