จากกรณีที่
สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 ได้จัดให้มีการแถลงข่าวผลการดำเนินงานของ
สำนักงาน ป.ป.ช. ในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัด เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมสำนักงาน ป.ป.ช.ลำปาง โดยในที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันในประเด็นของผู้บริหารท้องถิ่น
เมื่อศาลประทับรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
นายสุชาติ
กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ภาค 5 กล่าวว่า กรณีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่นหลังจากศาลได้ประทับฟ้องนั้น ทาง ป.ป.ช ได้ติดตามเรื่องลักษณะเช่นนี้ของแต่ละพื้นที่รับผิดชอบให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ซึ่งในหลายหน่วยงานเมื่อเห็นว่ายังไม่มีความชัดเจนก็พยายามหลบข้อกฎหมาย
โดยใช้กลไกทางกฎหมาย เช่น ขอให้ทบทวนมติโดยอ้างว่ามีหลักฐานใหม่ เมื่อมีการอ้างขึ้นมาทาง
ป.ป.ช.ก็ต้องนำมาพิจารณาและลงความเห็นทุกเรื่อง แต่สุดท้ายถ้ายืนยันมติเดิม
ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งบางครั้งการสอบสวนวินัย
กับการที่ศาลประทับรับฟ้องจะไม่ได้เป็นช่วงเวลาเดียวกัน
โดยปกติแล้วเรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ เดิมถ้าเป็นคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
หลังศาลประทับรับฟ้องแล้วจะมีคำสั่งมาเลย แต่ถ้าเป็นกฎหมายศาลคดีทุจริตหรือประพฤติมิชอบ อาจจะไม่ได้มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้นผู้บริหารท้องถิ่นจึงยังคงทำหน้าที่ต่อ
และหาวิธีในการต่อสู้คดีทุกรูปแบบ สิ่งที่ ป.ป.ช.เป็นห่วงใยก็คือ เมื่อผู้บริหารท้องถิ่นไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่
ทุกสิ่งในการพิสูจน์พยานหลักฐานอาจจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้เป็นพยาน ที่ทำงานอยู่ท้องถิ่นเดียวกัน
หลายคนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยหรือได้รับผลกระทบจากการทำงานหากผู้บริหารยังคงทำหน้าที่อยู่
นายอนิวัต
โพธิ์ประเสริฐ ผอ.ป.ป.ช. จ.ลำพูน
กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นนี้มีปัญหามาค่อนข้างเยอะ
เนื่องจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย ป.ป.ช. แต่ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายของศาลคดีทุจริตฯ ซึ่งทาง ป.ป.ช.มีการไต่สวนคดีและส่งสำนวนฟ้องศาลจำนวนมาก
ทำให้ไม่ทราบว่าคดีไหนที่ศาลประทับรับฟ้องแล้วบ้าง จึงกลายเป็นประเด็นอีกว่า ใครเป็นผู้แจ้งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
เมื่อไม่มีใครแจ้งบางคนก็นิ่งเฉยและยังคงทำหน้าที่ล่วงเลยมา
เนื่องจากมีเรื่องค่าตอบแทน เงินเดือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเรื่องนี้
ป.ป.ช.ได้เคยพูดคุยกับศาลคดีทุจริตภาค 5 แล้ว แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อผู้บริหารท้องถิ่น หรือตำแหน่งใดๆ
ถ้าศาลประทับรับฟ้องแล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยปริยาย
ด้านนายเนติพล
ชุมยวง ผอ.ป.ป.ช. จ.เชียงราย เพิ่มเติมด้วยว่า ในเรื่องของการหยุดปฏิบัติหน้าที่
ได้มีการถกเถียงและตีความกันมาเยอะมาก กระทั่งเมื่อเดือนธันวาคม
65
กฤษฎีกาได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า
เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ประทับฟ้องแล้ว ผู้กำกับดูแลผู้บริหารท้องถิ่น
จะต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อีกหรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อการหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นโดยผลของกฎหมาย
มาตรา 93 ประกอบมาตรา 83 พ.ร.บ. ป.ป.ช.แล้ว ผู้กำกับดูแล
จึงไม่ต้องมีคำสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นหยุดปฏิบัติหน้าที่อีก แต่ผู้กำกับดูแลยังคงมีหน้าที่จะต้องดูแลให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ความหมายก็คือ
เมื่อศาลประทับรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที แต่ถ้าไม่หยุด
ผู้กำกับดูแลซึ่งในที่นี้ตีความได้ว่าคือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
จะต้องดำเนินการสั่งให้หยุด ตอนนี้
ป.ป.ช.เองได้มีการสำรวจเรื่องที่ศาลประทับรับฟ้องว่าเรื่องใดบ้างที่นายกฯยังไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่บ้าง
และจะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าฯให้ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น