วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567

“น้องมุก วรางคณา” ว่าที่คุณหมอสาวสวย ดีกรีธิดาดอยเชียงใหม่ ขอสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ อย่าท้อที่จะทำตามความฝัน

 


          เนื่องด้วยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้ทุกวันที่ 9 สิงหาคมของทุกปีเป็น  วันชนเผ่าสากลเพื่อเป็นการเสริมสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับชนเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์และบทบาทของชุมชนเผ่าในการพัฒนา และแสดงคุณค่าเอกลักษณ์วัฒนธรรมของตนเอง

          ลานนาโพสต์พามาทำความรู้จักกับ น้องมุก หรือนางสาววรางคณา ระวังงาน อายุ 22 ปี นักศักษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโอกาสที่ได้มาศึกษาและฝึกปฏิบัติงานจริงที่โรงพยาบาลลำปาง เตรียมพร้อมเป็นว่าที่คุณหมอที่มีคุณภาพ  ซึ่งน้องมุก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์คนรุ่นใหม่ และยังมีตำแหน่ง “ธิดาดอยเชียงใหม่ ประจำปี 2565  จึงถือโอกาสมาคุยกับน้องมุก เนื่องในวันชนเผ่าสากล เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นอีกมุมหนึ่ง  


น้องมุก เล่าว่า  ตนเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นชนเผ่าปกาเกอญอ หรือกระเหรี่ยง  ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน  ปัจจุบันเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ชั้นปีที่ 5  และได้มาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง 2 ปีแล้ว   โดยน้องมุกบอกเหตุผลที่เลือกเรียนแพทย์ ว่าอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะคุณพ่อไม่ค่อยแข็งแรง เวลาไปโรงพยาบาลในหมู่บ้านเล็กๆ บางครั้งหมอก็ไม่เพียงพอในการรักษา เมื่อเห็นพ่อตัวเองป่วยแล้วไม่มีคนมาดูแล จึงรู้สึกว่าอยากจะเป็นหมอเพื่อดูแลผู้ป่วยให้ทั่วถึง อยากกลับไปช่วยงานที่บ้านเกิดของตนเอง

        จากที่ได้ศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆและปรับตัวได้เกิดความสนุกในการเรียนหมอ อะไรที่ไม่เคยรู้เราก็ได้รู้ และช่วยให้คนไข้หายป่วยได้ ถือว่าประสบความสำเร็จ  ในอนาคตถ้าเรียนจบจะกลับไปใช้ทุนที่บ้านเกิดก่อนเป็นเวลา 3 ปี  และอยากจะเรียนเฉพาะทางด้านวิสัญญีแพทย์


เมื่อถามถึงข้อจำกัดทางการศึกษาของกลุ่มเด็กชาติพันธุ์ โรงเรียนชายขอบ ที่เคยสัมผัสมาเป็นอย่างไร  

น้องมุก กล่าวว่า โรงเรียนของตน ไม่ได้มีครบทุกชั้น จะเว้นไปเป็น ป.1  ป.3  ป.5   เพราะนักเรียนน้อยและมีครูไม่เพียงพอมาสอน  พออีกปีก็จะสลับไปเรียน ป.2 ป.4  ครูบางคนก็ต้องสอนคนเดียวทุกชั้นเรียน เรื่องการสอนอาจจะไม่มีปัญหา แต่หากว่าเด็กคนไหนที่ไม่ได้หัวไวจะมีปัญหาในการเรียนไม่ทันเพื่อนได้   นอกจากนั้นพวกอุปกรณ์การเรียน สื่อการสอนต่างๆ ไม่ได้มีเพียงพอสำหรับเด็กที่อยู่โรงเรียนชายชอบ  จึงมองว่าภาครัฐต้องเริ่มจากการสนับสนุนสวัสดิการต่างๆให้กับโรงเรียนชายขอบ เพื่อให้ครูอยากที่จะเข้ามาสอนเด็ก รวมถึงสนับสนุนสื่อการเรียนที่ทันสมัย เพื่อให้เด็กชายขอบมีการพัฒนาเท่ากับเด็กในเมือง


น้องมุก ยังได้กล่าวถึงมุมมองที่คนอื่นมักจะมีภาพจำของกลุ่มชาติพันธุ์ว่า  กลุ่มชาติพันธุ์ต่ำกว่าคนอื่น  ไม่มีความสามารถและไม่เก่งเท่าคนอื่น  ในขณะที่พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน  ยกตัวอย่าง การที่คนชนเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์พูดไม่ชัด ก็จะโดนมองในทางไม่ดี หรือโดนหงุดหงิดใส่เวลาไปพูดคุยสื่อสารกับผู้อื่น  แต่ถ้ามองกลับกันว่า หากคนไทยไปทำงานต่างประเทศ ใช้ภาษาที่ต่างกัน เราก็พูดไม่ชัดเท่าเจ้าของภาษาเหมือนกัน   อยากให้มองว่าพวกเราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความเท่าเทียมกัน

ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความฝัน  น้องมุก อยากจะให้กำลังใจกับน้องๆ กลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์  ว่าเราอย่าดูถูกด้อยค่าตัวเอง ต้องมีมายเซ็ตที่ดีให้กับตัวเอง หากเราพยายามทำเต็มที่แล้วแต่ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าเสียใจที่เราไม่ได้ลงมือทำ  อยากให้เดินตามความฝันของตัวเอง







Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์