เนื่องด้วยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้ทุกวันที่
9 สิงหาคมของทุกปีเป็น “วันชนเผ่าสากล” เพื่อเป็นการเสริมสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับชนเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์และบทบาทของชุมชนเผ่าในการพัฒนา
และแสดงคุณค่าเอกลักษณ์วัฒนธรรมของตนเอง
ลานนาโพสต์พามาทำความรู้จักกับ น้องมุก หรือนางสาววรางคณา
ระวังงาน อายุ 22 ปี นักศักษาคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโอกาสที่ได้มาศึกษาและฝึกปฏิบัติงานจริงที่โรงพยาบาลลำปาง เตรียมพร้อมเป็นว่าที่คุณหมอที่มีคุณภาพ
ซึ่งน้องมุก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์คนรุ่นใหม่
และยังมีตำแหน่ง “ธิดาดอยเชียงใหม่ ประจำปี 2565” จึงถือโอกาสมาคุยกับน้องมุก
เนื่องในวันชนเผ่าสากล เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นอีกมุมหนึ่ง
น้องมุก
เล่าว่า ตนเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นคนไทย แม่เป็นชนเผ่าปกาเกอญอ
หรือกระเหรี่ยง ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ขุนยวม
จ.แม่ฮ่องสอน ปัจจุบันเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์
ม.เชียงใหม่ ชั้นปีที่ 5 และได้มาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง 2 ปีแล้ว โดยน้องมุกบอกเหตุผลที่เลือกเรียนแพทย์
ว่าอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะคุณพ่อไม่ค่อยแข็งแรง เวลาไปโรงพยาบาลในหมู่บ้านเล็กๆ
บางครั้งหมอก็ไม่เพียงพอในการรักษา เมื่อเห็นพ่อตัวเองป่วยแล้วไม่มีคนมาดูแล
จึงรู้สึกว่าอยากจะเป็นหมอเพื่อดูแลผู้ป่วยให้ทั่วถึง อยากกลับไปช่วยงานที่บ้านเกิดของตนเอง
จากที่ได้ศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆและปรับตัวได้เกิดความสนุกในการเรียนหมอ
อะไรที่ไม่เคยรู้เราก็ได้รู้ และช่วยให้คนไข้หายป่วยได้
ถือว่าประสบความสำเร็จ
ในอนาคตถ้าเรียนจบจะกลับไปใช้ทุนที่บ้านเกิดก่อนเป็นเวลา 3 ปี
และอยากจะเรียนเฉพาะทางด้านวิสัญญีแพทย์
เมื่อถามถึงข้อจำกัดทางการศึกษาของกลุ่มเด็กชาติพันธุ์
โรงเรียนชายขอบ ที่เคยสัมผัสมาเป็นอย่างไร
น้องมุก
กล่าวว่า โรงเรียนของตน ไม่ได้มีครบทุกชั้น จะเว้นไปเป็น ป.1 ป.3 ป.5 เพราะนักเรียนน้อยและมีครูไม่เพียงพอมาสอน พออีกปีก็จะสลับไปเรียน ป.2 ป.4 ครูบางคนก็ต้องสอนคนเดียวทุกชั้นเรียน
เรื่องการสอนอาจจะไม่มีปัญหา แต่หากว่าเด็กคนไหนที่ไม่ได้หัวไวจะมีปัญหาในการเรียนไม่ทันเพื่อนได้
นอกจากนั้นพวกอุปกรณ์การเรียน
สื่อการสอนต่างๆ ไม่ได้มีเพียงพอสำหรับเด็กที่อยู่โรงเรียนชายชอบ จึงมองว่าภาครัฐต้องเริ่มจากการสนับสนุนสวัสดิการต่างๆให้กับโรงเรียนชายขอบ
เพื่อให้ครูอยากที่จะเข้ามาสอนเด็ก รวมถึงสนับสนุนสื่อการเรียนที่ทันสมัย เพื่อให้เด็กชายขอบมีการพัฒนาเท่ากับเด็กในเมือง
น้องมุก
ยังได้กล่าวถึงมุมมองที่คนอื่นมักจะมีภาพจำของกลุ่มชาติพันธุ์ว่า กลุ่มชาติพันธุ์ต่ำกว่าคนอื่น ไม่มีความสามารถและไม่เก่งเท่าคนอื่น ในขณะที่พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ยกตัวอย่าง การที่คนชนเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์พูดไม่ชัด
ก็จะโดนมองในทางไม่ดี หรือโดนหงุดหงิดใส่เวลาไปพูดคุยสื่อสารกับผู้อื่น แต่ถ้ามองกลับกันว่า หากคนไทยไปทำงานต่างประเทศ
ใช้ภาษาที่ต่างกัน เราก็พูดไม่ชัดเท่าเจ้าของภาษาเหมือนกัน อยากให้มองว่าพวกเราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความเท่าเทียมกัน
ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความฝัน น้องมุก อยากจะให้กำลังใจกับน้องๆ กลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์
ว่าเราอย่าดูถูกด้อยค่าตัวเอง
ต้องมีมายเซ็ตที่ดีให้กับตัวเอง หากเราพยายามทำเต็มที่แล้วแต่ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ดีกว่าเสียใจที่เราไม่ได้ลงมือทำ อยากให้เดินตามความฝันของตัวเอง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น