วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สสธวท จัดพิธีเชิดชูสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ ปี 67 หวังส่งต่อแรงบันดาลใจเวิร์คกิ้งวูแมนรุ่นใหม่

              สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท) ริเริ่มจัดพิธีประกาศเกียรติคุณรางวัลสหพันธ์ฯ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกย่อง เชิดชู สตรีนักธุรกิจและนักวิชาชีพที่ประสบความสำเร็จให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่รุ่นต่อไป และเป็นแรงบันดาลใจแก่สตรีผู้ประกอบธุรกิจและนักวิชาชีพรุ่นใหม่ และในปีนี้ สหพันธ์ฯ จัดพิธี “ประกาศเกียรติคุณรางวัลสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประจำปี 2567ขึ้น โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ เพื่อร่วมสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมที่มั่นคง โดยนักธุรกิจและนักวิชาชีพสตรีทุกสาขาอาชีพ  พร้อมทั้งบรรลุปรัชญา “อนุรักษ์โลกสีเขียว”  คือการดำเนินธุรกิจและวิชาชีพควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนสตรีวัยก้าวหน้าให้มีความพร้อมที่จะเป็น“พลังสร้างสรรค์แห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่พึงประสงค์ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ เมื่อวันอังคารที่  1 ตุลาคมที่ผ่านมา


คุณหญิงณัฐิกา  วัธนเวคิน  อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ คุณหญิงณัฐิกา  วัธนเวคิน  อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์  กล่าวว่า พิธีประกาศเกียรติคุณรางวัลสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นพันธกิจหลักที่สหพันธ์ฯ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่อง เชิดชูบทบาทสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพที่ประสบความสำเร็จ และมีคุณธรรม จริยธรรมเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม  อีกทั้งเพื่อเป็นกำลังใจแก่สตรีนักธุรกิจและนักวิชาชีพที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และกระตุ้นการพัฒนาผลงานที่ดีอยู่แล้วให้ทวีคุณค่ายิ่งขึ้น  สร้างแรงบันดาลใจ  จุดประกายความคิดที่จะทำให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานไปสู่ความสำเร็จที่กว้างขวางแก่กลุ่มสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น และพร้อมที่จะร่วมเป็นสมาชิกของ สสธวท ในจังหวัดต่างๆ ทั้ง ๒๔ สมาคม

คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในนามของสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ขอขอบคุณคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)  รวมทั้งภาคีภาครัฐ และเอกชนที่ร่วมทำงานกับสหพันธ์ฯ มาโดยตลอด   ความสำเร็จของการจัดพิธีประกาศเกียรติคุณฯ ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของ คณะกรรมการจัดงาน ซึ่งนำโดย นางมาลีรัตน์  ปลื้มจิตรชม พร้อมทั้ง นายกและคณะกรรมการสมาคมสมาชิกภาคเหนือ ทั้ง 7 องค์กร  และความร่วมแรงร่วมใจของสมาคมสมาชิก ทั้ง 24 องค์กร เพื่อสนับสนุน พลังสร้างสรรค์ให้เกิดแก่สตรีผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพ ขอขอบคุณคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินที่ทำงานอย่างแข็งขัน  ขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานแก่รางวัลอันทรงคุณค่า และขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการนี้มาตลอด

และในปีนี้ได้จัดให้มีการมอบรางวัลนักธุรกิจสตรีและนักวิชาชีพสตรีตัวอย่างผู้ทรงคุณค่า ประจำปี 2567 เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่สตรีนักธุรกิจและนักวิชาชีพที่สร้างคุณานุประโยชน์ให้แก่องค์กรและสังคมมาอย่างยาวนาน  โดยผู้ได้รับรางวัลต้องมีอายุ 75 ปีขึ้นไป มีสภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ และทำงานเพื่อคุณประโยชน์ต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 6 คน อาทิ นางภัทรา ศิลาอ่อน, ดร.สุพร สุวัฒนโนดม เป็นต้น โดยในการนี้ ได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางสาวฐิตินันท์  วัธนเวคิน  รองประธานสหพันธ์ฯ และประธานดำเนินงานโครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน 6 ภาคี  Ms.Niamh  Maree  Collier-Smith  Residence Representative, United Nations Development Program (UNDP) ร่วมแสดงความยินดี

นวราวุธ ศิลปะอาชา กล่าวว่า ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขอขอบคุณสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่เป็นเครือข่ายดำเนินงานด้านการส่งเสริมพัฒนาสตรีทุกระดับ ให้มีความรู้ความสามารถด้านการประกอบอาชีพและธุรกิจควบคู่ไปกับการทำงานด้านการพัฒนาสังคม เพื่อให้นักธุรกิจสตรีและนักวิชาชีพตระหนักในหน้าที่และใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมทั้งยกระดับและเชิดชูเกียรตินักธุรกิจสตรีและนักวิชาชีพสตรี ที่มีความสามารถ มีความวิริยะอุตสาหะจนประสบความสำเร็จ หรือเป็นผู้นำแนวคิดในการดำเนินธุรกิจเชิงอนุรักษ์ เพื่อเป็นตัวอย่างสร้างแรงบันดาลใจ รวมทั้งจุดประกายการทำธุรกิจเพื่อพัฒนาสังคม รักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่บุคคลทั่วไปในสังคม โอกาสนี้ ขอแสดงความยินดีกับนักธุรกิจสตรีตัวอย่าง นักวิชาชีพสตรีตัวอย่าง และสตรีผู้นำธุรกิจอนุรักษ์โลกตัวอย่าง ประจำปี 2567 ทุกท่านที่ได้รับประกาศเกียรติคุณฯ ผมเชื่อมั่นว่า รางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่ทุกท่านได้รับครั้งนี้ จะเป็นพลังผลักดันให้ทุกท่านมีแรงกายแรงใจในการพัฒนารงานควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อชุมนและสังคมอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสตรีที่ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลนักธุรกิจสตรีและนักวิชาชีพสตรีตัวอย่างผู้ทรงคุณค่า ทั้งสิ้น 62 คน จากสาขาต่างๆ ได้แก่ นักธุรกิจสตรีตัวอย่างระดับประเทศ 4 คน อาทิ นางชไมมาศ ชาติเมธากุล, ผศ.ดร.จรรยา พุคยาภรณ์ นักธุรกิจสตรีตัวอย่างระดับจังหวัด 18 คน อาทิ นางภัทรนิษฐ์ เตชะไชยสิทธิ์ นักวิชาชีพสตรีตัวอย่างระดับประเทศ 4 คน อาทิ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย นักวิชาชีพสตรีตัวอย่างระดับจังหวัด 18 คน อาทิ ดร.ประไพศรี ประเสริฐแก้ว นักธุรกิจสตรีดาวรุ่งตัวอย่าง 4 คน อาทิ นางสาวสุชาร์ สารจันทร์ นักวิชาชีพสตรีดาวรุ่งตัวอย่าง 4 คน อาทิ นางสาวศุภลักษณ์ วิริยา ส่วน ว่าที่ร้อยตรีหญิงเจนนิเฟอร์ มาบางครุ ได้รับทุนเดินทางไปร่วมประชุมในฐานะ สมาชิกสตรีวัยก้าวหน้าที่ 1 คน รวมถึงนักธุรกิจสตรีอนุรักษ์โลกตัวอย่าง 6 คน อาทิ นางสาวกาญจนาภา วิชัยดิษฐ และ นักวิชาชีพอนุรักษ์โลกตัวอย่าง 3 คน อาทิ นางแสงจันทร์ ระวังกิจ, นางสาวอรยา สูตะบุตร เป็นต้น

             นางมาลีรัตน์  ปลื้มจิตรชม ประธานดำเนินงานการจัดงาน กล่าว ทุกรางวัล ล้วนคัดเลือกสตรีที่มีความสามารถ ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงทั้งในภาคธุรกิจและวิชาชีพจากภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าจะเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่สตรีรุ่นใหม่ พัฒนาตัวเอง ยกระดับสถานภาพในการประกอบธุรกิจหรือในด้านการใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพทันยุคสมัย ตลอดจนคำนึงถึงประโยชน์ของสังคมส่วนรวม ในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลงงานเพื่อความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศ



นางภัทรา ศิลาอ่อน นักธุรกิจสตรีตัวอย่างผู้ทรงคุณค่า เผยถึงหลักในการบริหารธุรกิจร้านอาหาร S&P มานานกว่า 50 ปี ว่า ยึดหลักพรหมวิหาร 4 อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา เน้นให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข เพื่อให้ผลงานออกมาดีมีคุณภาพ และเมื่อใดที่ธุรกิจประสบกับปัญหาหรืออุปสรรค ก็ใช้วิธี “ทำปัญหาให้กลายเป็นโอกาส” โดยทีมงานคุณภาพเปี่ยมไปด้วยความสามารถในทุกด้าน อันเป็นส่วนผสมระหว่างคนรุ่นใหม่ที่เก่งกับคนรุ่นเก่าผู้มากประสบการณ์ในทุกๆ ด้านของธุรกิจ ซึ่งเมื่อร่วมมือร่วมใจ ร่วมกำลังความคิด และคุณธรรมที่เป็นแนวทางปฏิบัติ จึงนำไปสู่พลังที่พาครอบครัว S&P ก้าวข้ามปัญหาทุกอย่างได้ตลอดมา ทั้งนี้ชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว ครอบครัวก็เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะรักทั้งครอบครัวและงาน จึงดูแลทั้งสองให้ดีที่สุด งานทำอย่างเต็มที่พอเลิกงานหรือวันหยุดก็เป็นเวลาของครอบครัว

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ซีอีโอหญิงแกร่งแห่งธนาคารกสิกรไทย เจ้าของรางวัล นักวิชาชีพสตรีตัวอย่าง ระดับประเทศ กล่าวถึงหลักการทำงานว่า ต้องตั้งเป้าหมาย วางแผนงานให้ชัดเจน รวมถึงมอบหมายงานและติดตามงานเป็นระยะ เพื่อช่วยสนับสนุนเมื่อพนักงานต้องการการตัดสินใจหรือต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใดๆ ก็ตาม แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้อิสระคนทำงานด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยกให้ต้นแบบคนสำคัญอย่าง คุณบัณฑูร ล่ำซำ ในเรื่องของวิสัยทัศน์กว้างไกลและความเมตตาสูง ทำให้เธอได้เรียนรู้จากท่านทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนอีกคน ศ.สังเวียน อินทรวิชัย คุณพ่อของเธอนั่นเอง เพราะท่านพูดอยู่เสมอว่าท่านไม่ได้เก่งแต่มีความพยายามไม่แพ้ใคร จุดนี้เธอจึงซึมซับเรื่องความเพียรพยายามมาจากคุณพ่อ ควบคู่กับการเวิร์คฮาร์ด ตามสไตล์หญิงยุคใหม่ เจ้าตัวไม่ลืมเรื่องการบาลานซ์ชีวิต ด้วยการจัดสรรเวลาให้กับครอบครัว เพราะตรงนี้เหมือนเป็นหน่วยเติมพลังงานชั้นเยี่ยมให้กลับมาลุยงานได้เต็มที่ รวมถึงการออกกำลังกาย ด้วยความเชื่อว่าเมื่อร่างกายแข็งแรงแล้วหัวใจก็จะแกร่งอีกด้วย

นางแสงจันทร์ ระวังกิจ ปลัด อบต.โก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี เจ้าของรางวัล นักวิชาชีพสตรีอนุรักษ์โลกตัวอย่าง เผยว่า เธอใช้เวลากว่า 7 ปีกับความมุ่งมั่นที่จะนำพาประชาชนในชุมชนให้มีความสุขบนพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยความมั่นใจว่าหากน้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ว่า เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา มาปฏิบัติในชุมชนแล้ว ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่พอเพียง อยู่รอด  มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางอาหาร การจัดการขยะซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตทุกคน ผลักดันให้สมาชิกในชุมชนคัดแยกขยะในครัวเรือนตัวเอง แล้วนำขยะมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนง่ายๆ คือ ขยะเปียก นำไปทำปุ๋ยหมักเพื่อวนกลับมาสู่แปลงผัก ด้วยการเข้าร่วมโครงการพระราชดำริ โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ฯลฯ  ส่วน ขยะแห้ง เรามีธนาคารขยะให้บริการสมาชิกในชุมชน โดยทุกครัวเรือนจะมีสมุดธนาคารของตัวเอง รายได้ส่วนนี้เรานำมาแปลงสวัสดิการดูแลสมาชิกในชุมชนนั่นเอง


นางสาวอรยา สูตะบุตร ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Big Trees และ มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ เจ้าของรางวัล นักวิชาชีพสตรีอนุรักษ์โลกตัวอย่าง เล่าถึงจุดเริ่มต้น การทำงาน และอุปสรรค คร่าวๆ ว่าจากแค่ “เปิดเพจ” ค่อยๆ เติบโตเป็น “มูลนิธิ” ต่อด้วยตั้ง “วิสาหกิจเพื่อสังคม” และตั้ง “บริษัทต้นแบบ” ให้บริการดูแลตัดแต่งต้นไม้ หรือวิเคราะห์ปัญหา โดยมีการเก็บค่าบริการ เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้ ส่วนนี้ก็ทำงานมากว่า 7 ปีแล้ว โดยผลงานรูปธรรมที่ผ่านมาคือบนถนนสีลม และถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเป็นการทำงานแบบบูรณาการจากหลายๆ หน่วยงาน ส่วนเรื่องสถานการณ์ต้นไม้ใหญ่ในเมืองในปัจจุบัน  อย่างใน กรุงเทพฯ และ เชียงใหม่ เป็นเรื่องน่ายินดี ตรงที่ประชาชนมีความตื่นตัวมากขึ้น หน่วยงานของรัฐมีบุคลากรที่อบรมมาโดยตรงด้านการดูแลต้นไม้มากขึ้น และภาคเอกชนเช่นเจ้าของโครงการ อาคาร และสถาปนิกเริ่มให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นไม้ใหญ่อย่างถูกต้องและยั่งยืนมากขึ้น  ในทางตรงข้ามก็มีอุปสรรคหลายด้านเช่นกัน อย่างเรื่อง “ค่าบริการ” เนื่องจากหลายคนมองว่าราคาค่อนข้างสูง ทว่าในมุมกลับกัน ทราบหรือไม่กว่าจะได้เป็น “รุกขกร” มาทำงานบนที่สูงบนต้นไม้ได้อย่างปลอดภัยนั้น ต้องผ่านอบรมไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี นี่ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างมีราคาสูง ซึ่งทางฝั่ง กลุ่ม Big Trees ค่อยๆ ทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

เรื่อง....กอบแก้ว แผนสท้าน


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์