วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 กฟผ.แม่เมาะ คาดไม่มีโรงไฟฟ้าทดแทน MMRP2 เตรียมแผนปรับปรุงโรงไฟฟ้าเครื่องที่ 10-11 เดินหน้าผลิตไฟฟ้าต่อเนื่อง รับกฎหมายสิ่งแวดล้อมใหม่

นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ  ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดหมายว่า โรงไฟฟ้าทดแทน MMRP2 อาจไม่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับปรุงโรงไฟฟ้าเก่า ให้รองรับคุณภาพของเชื้อเพลิงที่มีอยู่ และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ที่จะประกาศใช้ในปี 2575

นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าแม่เมาะมีกำลังการผลิต 2,455 เมกะวัตต์  โดยนำไฟฟ้าที่ผลิตได้มาแบ่งใช้ภายในโรงไฟฟ้าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เหลือไฟฟ้าที่ผลิตได้อยู่ 2,200 เมกะวัตต์  ส่งไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ  ด้วยกำลังการผลิตขนาดนี้ ถือว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีความสำคัญต่อประเทศ เนื่องจากมีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่ถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น ๆ ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าถูกที่สุด ส่งผลให้ค่าไฟของประเทศไทยลดลงตามไปด้วย 

  “จะเห็นว่าในช่วงปี  2565-2566  ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตด้านพลังงาน  โรงไฟฟ้าแม่เมาะจะถูกเรียกให้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต เสริมกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดยกลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ปลดระวางไปแล้ว เพื่อให้ค่าไฟฟ้าไม่สูงจนเกินไป  นั่นก็คือความสำคัญของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน”  นายสุทธิพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าเครื่องที่ 4 ที่มีกำลังผลิต 150 เมกะวัตต์ ได้ถูกปรับปรุงและกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งหลังจากเลิกใช้ไปแล้ว รวมถึงโรงไฟฟ้าเครื่องที่ 8  ซึ่งตามกำหนดเดิมจะต้องปลดระวางสิ้นปี 2564 ต้องเดินเครื่องต่อไปอีก 4 ปี จนถึงสิ้นปี 2568 และโรงไฟฟ้าเครื่องที่ 9-11  จะต้องปลดระวางสิ้นปี 2567 นี้  ได้มีคำสั่งให้เดินเครื่องต่อในปี 2568 เพิ่มอีก 1 ปี การที่โรงไฟฟ้าถูกขยายอายุออก  จึงเป็นการนำเชื้อเพลิงในอนาคตมาใช้ จากที่เชื้อเพลิงจะไปหมดในปี  2593  จึงอาจจะหมดลงเร็วขึ้นจากเดิมประมาณปี 2586 และเมื่อถ่านหินซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าลดน้อยลง  โรงไฟฟ้าแม่เมาะจึงจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลงจาก 2,455 เมกะวัตต์ เหลือ 1,315 เมกะวัตต์ ในปี 2569

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8-9  (Mae Moh Power Plant Unit 8-9 Replacement Project : MMRP2) ด้วยว่า กฟผ.ได้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทน เครื่องที่ 4-7 ไปแล้ว 1 โรง  คือ MMRP1 ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินลดลง  และมีแผนจะทำโรงไฟฟ้าทดแทน  MMRP2  ซึ่งตามแผนเดิมจะต้องเดินเครื่องในปี 2569  แต่ประสบปัญหาความล่าช้าไปจากแผน

          สาเหตุความล่าช้า เนื่องจากนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)  และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  (Net Zero) ทำให้ผู้พัฒนาโครงการไม่ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ จึงจำเป็นต้องหยุดผลิตเครื่องจักรที่จะนำมาสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทำให้ติดปัญหาว่าผู้ที่เข้ามาเสนอราคาไม่ผ่านคุณสมบัติ จึงมีแนวโน้มว่าจะไม่มีโรงไฟฟ้าทดแทน  MMRP2 เกิดขึ้น

          “เมื่อประเทศไทยยังคงต้องการค่าไฟฟ้าที่ไม่แพงเกินไป เพื่อให้อุตสาหกรรมแข่งขันได้  กฟผ.แม่เมาะ จึงได้วางแผนการปรับปรุงโรงไฟฟ้าเครื่องที่ 10-11 ให้รองรับกับคุณภาพของเชื้อเพลิงที่มีอยู่  และสอดคล้องกับกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ฉบับใหม่ที่จะบังคับใช้ในปี 2575 ได้ เพื่อเป็นกำลังการผลิตทดแทนโรงไฟฟ้า MMRP2 ต่อไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

          สำหรับ โรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 หรือ MMRP2  ได้รับความเห็นชอบจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อสร้างและติดตั้ง โรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8-9 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 600 เมกะวัตต์ ตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ หรือ EHIA อย่างเคร่งครัด

          ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Revision 1) โรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 (MMRP2) มีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในปี 2569  แต่เนื่องจากขณะนี้ไม่มีผู้ผ่านคุณสมบัติในการประกวดราคางานก่อสร้างโครงการฯ จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง  หรืออาจจะไม่มีโรงไฟฟ้า MMRP2 เกิดขึ้น

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์