วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ปิดคดีพิพาท 7 ปี ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้อง คดี ปลัด ท.เขลางค์ ฟ้องนายกฯ และ ก.ท.จ. ออกคำสั่งไล่ออกโดยมิชอบ กรณีทุจริตน้ำมัน

 


          เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาคดีหมรยเลขดำที่ อบ.474/2561  ระหว่างระหว่างนายอมร ทองประดิษฐ์   ผู้ฟ้องคดี  และ นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1   คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2   เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

โดยศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น  เป็นยกฟ้อง   

คำพิพากษา ระบุว่า  “การที่ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 (นายกเทศมนตรีเมืองขลางค์นคร)  มีคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลับที่ 1/2558 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดี (นายอมร ทองประดิษฐ์) ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และการที่ผู้ถูกฟ้องที่ 2 (คณะกรรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง หรือ ก.ท.จ.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 7/2558 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีโดยอาศัยเหตุเดียวกัน จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่ให้ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ และมิตของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่มีมติยกอุทธรณ์ โดยให้มีผลย้อมหลังไปนับตั้งแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ออกคำสั่ง และให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเดิมนับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ จนถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย”


ความเป็นมา  สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2561 นายอมร ทองประดิษฐ์ อดีตปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ได้ยื่นฟ้องนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร และคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง โดยขอให้ศาลพิจารณา 4 ข้อด้วยกัน คือ 1.เพิกถอนคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลับ ที่ 1/2558  เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ  ลงวันที่ 29 พ.ค.58  และให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และผู้ถูกฟ้องที่ 2 รับผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในสังกัดเทศบาลเมืองเขลางค์นครตามตำแหน่งเดิม  2.เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามรายงานการประชุมครั้งที่ 5/2558  เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 58  ที่มีมติให้ลงโทษผู้ฟ้องคดี โดยให้ไล่ออกจากราชการ  3.เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องที่ 2 ตามรายงานการประชุมครั้งที่ 7/2558  เมื่อวันที่ 28 ก.ค.58 (ที่ถูกต้องคือ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.58) แจ้งตามหนังสือจังหวัดลำปาง บัล ที่ ลป0023.2/19550 ลงวันที่ 18 ส.ค.58  และ 4.ให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเดิมนับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการจนถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องคดี มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.61  ศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดีที่นายอมร ทองประดิษฐ์ ได้ยื่นฟ้องดังกล่าว  โดยศาลมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ตามคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลับ ที่ 1/2558  เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ  ลงวันที่ 29 พ.ค.58 ที่ลงโทษให้ออกจากราชการ และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 7/2558 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.58  ที่มีมติยกอุทธรณ์  โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ออกคำสั่ง และให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเดิม นับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการจนถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ซึ่งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด  กระทั่งมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง กลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา  ทำให้คดีนี้ปิดลง โดยใช้เวลายาวนานถึง 7 ปีด้วยกัน 


สำหรับเรื่องเดิมของการยื่นฟ้องร้องกันนั้น  เนื่องจากทางเทศบาลเมืองเขลางค์นครได้มีคำสั่งที่ 763/2556 ลงวันที่ 14 พ.ย.56 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย นายอมร ทองประดิษฐ์  ปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร  กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยเรื่องการเบิกจ่ายน้ำมันเกินที่ต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่จริง ส่อไปในทางทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ได้นำรถยนต์ของทางราชการอกใช้งานในระหว่างมีคำสั่งพักราการเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสั่งจ่ายน้ำมันที่ไม่สุจริต และไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแต่งตั้งตำแหน่งรองปลัดเทศบาล (นักบริหารงานเทศบาล 9) มีตำแหน่งต่ำกว่าปลัดเทศบาล มาเป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัย และแต่งตั้งพนักงานจ้างให้เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง  เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไงในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์  ลงวันที่ 3 ม.ค.45  

ต่อมาทาง ก.ท.จ.ได้มีมติให้นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย เฉพาะประธานกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ แต่ปรากฏว่านายกเทศมนตรีได้เร่งรัดให้สอบสวนวินัยโดยเร็ว ไม่แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยตามมิต ก.ท.จ.แต่อย่างใด  และได้ยื่นให้ทาง ก.ท.จ.ทบทวนมติให้แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยใหม่ เนื่องจากได้มีการสอบสวนวินัยผู้ฟ้องคดีเสร็จสิ้นแล้ว การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงทำให้การสอบสวนเสียไป ส่งผลให้มติ ก.ท.จ. ที่เห็นชอบให้ไล่ออกจากทางราชการ และคำสั่งของนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์ที่ลงโทษให้ปลัดเทศบาลออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์