โครงการอันยิ่งใหญ่แห่งปี
“สสธวท รวมใจเทิดเอกลักษณ์แห่งปัญจมังกร จารึกความกตัญญูต่อแผ่นดิน” เพื่อเทิดพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม
๒๕๖๗ พร้อมสดุดีให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู ผ่านสองกิจกรรมหลัก ได้แก่ งานกาล่าดินเนอร์
“เบญจกตัญญุตา” และ การสร้างถาวรวัตถุ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
๗๒ พรรษา” ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างงดงาม
ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่
และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เป็นองค์ประธาน สร้างความปลื้มปีติสุขให้แก่คณะผู้ดำเนินงานทั้งชาวไทย
ชาวไทยเชื้อสายจีน รวมถึงชาวจีนที่เข้ามาพึงพระบรมโพธิสมภาร อย่างหาที่สุดมิได้
ปฐมกำเนิดของการดำเนินโครงการครั้งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปี ๒๕๒๕
ในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี นายเกียรติ นางจรรย์สมร วัธนเวคิน ประธานมูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา
ได้รวมพลังคนไทยเชื้อสายจีน จัดโครงการ “พระบรมโพธิสมภารร่มเย็นเป็นสุข” เพื่อแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินสยามที่ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งบูรพมหากษัตริยาธิราช
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
(ดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในขณะนั้น) เสด็จฯ
ไปทรงเป็นองค์ประธานในพิธีถวายสักการะสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า
ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ณ พลับพลาพิธี บริเวณวงเวียนโอเดียน เขตสัมพันธวงศ์
กรุงเทพมหานคร ที่ นายเกียรติ-นางจรรย์สมร วัธนเวคิน
ประธานมูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา
ได้รวมพลังคนไทยเชื้อสายจีน จัดโครงการ “พระบรมโพธิสมภารร่มเย็นเป็นสุข”
เป็นการแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินสยามที่ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งบูรพมหากษัตริยาธิราช
และในวันนั้นพระองค์ทรงพระดำเนินเยี่ยมราษฎรที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิด
ชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
จวบจนมาถึงในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ สมาพันธ์ฯ
สดุดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู คุณหญิงณัฐิกา
วัธนเวคิน อังอุบลกุล
ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
(สสธวท),
ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี และ ประธานมูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา ได้ร่วมกับ
สมาคมสตรีสัมพันธ์และสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ร่วมจัดโครงการ ‘สสธวท
รวมใจเทิดเอกลักษณ์แห่งปัญจมังกร จารึกความกตัญญูต่อแผ่นดิน’ เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในขณะเดียวกันยังหวังว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความคิดให้มวลชนทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญูกตเวที
อันเป็นคุณธรรมที่แสดงถึงอารยธรรมของประเทศ โดยมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่าง
แล้วน้อมนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ประกอบด้วย ๒ กิจกรรม
ได้แก่ ๑) งานกาล่าดินเนอร์ “เบญจกตัญญุตา”
ในโครงการ “สสธวท รวมใจเทิดเอกลักษณ์แห่งปัญจมังกร
จารึกความกตัญญูต่อแผ่นดิน” การนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินี เสด็จทรงเป็นองค์ประธาน โดยนำรายได้จากการจัดงานกาล่าดินเนอร์ฯ 10
ล้านบาท ทูลเกล้าฯ
ถวายเพื่อพระราชทานเป็นทุนประเดิมในการจัดสร้างถาวรวัตถุเฉลิมพระเกียรติฯ
อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูต่อสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ต่อไป
๒)
การสร้างถาวรวัตถุ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
๗๒” จำนวน ๒ ซุ้ม อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูกตเวที
ต่อสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทั้งนี้
เพื่อให้ครอบคลุมทุกหมู่เหล่า
และเพื่อรวมพลังแห่งแผ่นดินครั้งยิ่งใหญ่ในโอกาสมหามงคลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
จึงได้เชิญชวนหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดย นายสนั่น อังอุบลกุล
ประธานคณะกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย-จีน โดย นายณรงศักดิ์ พุทธพรมงคล
ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน, สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย โดย นายชิม
ชินวิริยกุล นายกสมาคมฯ, สหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย โดย ดร.กิตติ
อิทธิภากร ประธานสหสมาคมฯ และ องค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ และได้ทูลเชิญ และเชิญคณะสงฆ์เป็นที่ปรึกษา นำโดย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, สมเด็จพระพุฒาจารย์
สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และพระคณาจารย์จีน
ธรรมวชิรานุวัตร(เย็นงี้) เข้าร่วม โดยได้รับการสนับสนุนจาก ภาครัฐ
นำโดย กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศิลปากร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นต้น
ตลอดจนองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วน และ ประชาชนทั่วประเทศ
ซึ่งการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ
นี้ เกิดจากการรวมพลังความสามัคคี
ความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทิตาของปวงพสกนิกร ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม
พุทธศักราช ๒๕๖๗ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความร่มเย็นเป็นสุขเสมอมาของปวงชน
ภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
ด้วยพระบุญญาธิการอันเป็นจิรัฎฐิติกาล
และพระบรมเดชานุภาพแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
บันดาลให้การรวมพลังแห่งแผ่นดินครั้งนี้ สัมฤทธิ์ผลสมบูรณ์ ดังปาฏิหาริย์ ภายในระยะเวลาเพียง
๖ เดือน
สำหรับซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
๗๒ พรรษา ทั้งสองแห่งตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง เป็นถนนสำคัญสายแรกของกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นถนนที่เปิดสู่ย่านเศรษฐกิจ จึงเปรียบเสมือนเป็น ถนนมังกรสายแรกของประเทศไทย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
พระราชทานชื่อ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต
๗๒ พรรษา” มีความหมายว่า“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญยั่งยืน ๗๒
พรรษา” ด้านหลังมีภาษาจีนคำว่า 龙福康定(หลงฟู่ คังติง) หมายถึง
พระบารมีมังกรสยามปกเกล้าปกกระหม่อม และ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง ๗๒
พรรษา” มีความหมายว่า
เอกลักษณ์จารึกการเทิดทูนของพสกนิกรในอภิมหามงคลสมัย เฉลิม พระชนพรรษา ๗๒ พรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านหลังมีภาษาจีนคำว่า 祚祐永延 (จั่วโหยว หยงเอี้ยน) หมายถึง
พสกนิกรร่มเย็นเป็นสุขชั่วนิรันดร์ ตั้งอยู่ที่บริเวณห้าแยกหมอมี
“ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
๗๒ พรรษา” จัดสร้างขึ้นภายใต้ ๕ แนวคิดหลักคือ ๑)
พระมหากษัตริย์ทรงได้รับการสดุดีเป็นมังกรแห่งมวลมนุษย์ ๒)
นักษัตรประจำปีพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๓) ปีพุทธศักราช ๒๕๖๗
เป็นนักษัตรปีมังกร ตามสุริยคติ ๔) วัดเล่งเน่งยี่ หรือมังกรกมลาวาส
เป็นหนึ่งในศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชน ๕) ถนนเจริญกรุงได้ชื่อว่า “ถนนสายมังกร” โดย
สำหรับ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ
“วชิรสถิต ๗๒ พรรษา”
ถือเป็นหัวมังกรตั้งอยู่บริเวณสะพานดำรงสถิต มีช่วงกว้างของเสา ๑๖ เมตร ความสูง ๒๓
เมตร ส่วน ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ “วชิรธำรง ๗๒
พรรษา” เป็นหางมังกร ตั้งอยู่บริเวณแยกหมอมี ช่วงกว้างของเสา ๑๔ เมตร ความสูง ๒๓
เมตร ได้รับการออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมประตูแบบจีนภาคเหนือ
เน้นรูปแบบศิลปะได้อย่างถูกต้องตามต้นแบบสถาปัตยกรรมจีน
เพื่อสะท้อนถึงความจงรักภักดีของคนไทยเชื้อสายจีน มีลักษณะเป็นซุ้มคร่อมถนนเจริญกรุง
เป็นซุ้มเสาคู่ มีฐานเสาอยู่บนทางเท้าทั้งสองฝั่ง มีหลังคาด้านบนสามหลังคา
ลดระดับสองชั้นทั้งซ้ายและขวา
กึ่งกลางหลังคาชั้นบนประดิษฐานตราสัญลักษณ์ท่ามกลางมังกรคู่
หันหน้าเข้าหาตราสัญลักษณ์ สื่อการแสดงความจงรักภักดีร่วมใจของพสกนิกรไทยจีน
และคนไทยเชื้อสายจีนทั้งหมด
ถัดมาเป็นส่วนของโครงสร้างภายในเป็นคอนกรีตเสริมใยแก้ว ฐานซุ้มเป็นฐานปัทม์
เอกลักษณ์ดอกไม้ไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร ส่วนการตกแต่งซุ้มประตูเลือกใช้หลังคาสีเหลือง
ซึ่งเป็นสีประจำองค์จักรพรรดิ เสาสีแดงประดับด้วยมังกรห้าเล็บ หมายถึง พระมหากษัตริย์
สีแดงธาตุไฟ สีเหลืองธาตุดิน สีดำและสีน้ำเงินธาตุน้ำ สีเขียวธาตุไม้ สีขาวธาตุทอง
สมัยราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กับพระราชวังและอาคารราชการของจีน
ประดับด้วยเซียน มังกร หงส์ สิงโต ม้าทะเล และพยัคฆมัจฉา เป็นต้น
และในปี ๒๕๖๘ นี้ถือเป็นโอกาสพิเศษทางการทูตไทย-จีน ดังนั้น เพื่อความสัมพันธไมตรีที่ยั่งยืนมาตลอด
๕๐ ปี รัฐบาล สาธารณประชาชนจีน โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประจำประเทศไทย ขอร่วมเทิดพระเกียรติในวาระมหามงคลอันยิ่งใหญ่
ด้วยการส่งมอบประติมากรรมมงคลแกะสลักเป็นรูปช้าง สิงโต อย่างละสองคู่
และกลองสี่คู่ ซึ่งแกะสลักจากหินอ่อนหยกขาว ฮั่นไป๋ยู่
มาประดิษฐานบนฐานปัทม์อันเป็นศิลปกรรมไทยซึ่งออกแบบโดยกรมศิลปากร
สะท้อนถึงความมั่นคง-ยั่งยืนแห่งสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซุ้มประตูนี้จะเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ที่สำคัญของประเทศในด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
วัฒนธรรม ทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อความเจริญยิ่งขึ้นของเศรษฐกิจและสังคม
สำหรับ “ประติมากรรมรูปช้าง”
ซึ่งเป็นช้างทรงของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยโบราณ
ตัวหนังสือที่แกะสลักบนผ้าคลุมหลังช้างมีสี่ตัว คือคำว่า จี๋ (สิริ) เสียง (มงคล) หยู (สม) อี้ (ความปรารถนา) “ประติมากรรมรูปสิงโต”
แกะสลักตามแบบสิงโตที่ประดิษฐานทั้งสองฝั่งหน้าประตูไท่เหอ
ซึ่งเป็นอาคารแห่งยศศักดิ์สูงสุดในพระราชวังต้องห้ามของกรุงปักกิ่ง สิงโตแต่ละคู่มีทั้งเพศผู้และเพศเมีย
อันเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ และบุญบารมีที่สืบทอดกันมาไม่ขาดสาย และ “ประติมากรรมรูปกลอง”
แกะสลักเป็นลวดลายเมฆมงคลตามความเชื่อและประเพณีของชาวจีน หมายถึงความปรองดอง สมานฉันท์ ความสมบูรณ์พูนสุข
ความเจริญมั่นคงของบ้านเมือง และความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชน ส่วน “ฐานปัทม์”
ซึ่งออกแบบโดยกรมศิลปากรนั้น เป็นภาพดอกบัวซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
การนี้
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต ๗๒ พรรษา” และซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ ภายใต้โครงการ “เบญจกตัญญุตา
บารมีแห่งมังกรสยาม” บริเวณห้าแยกหมอมี ถนนเจริญกรุง
กรุงเทพมหานคร โดยมี นางสาวแพทองธาร
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล
ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์,
ประธานสภาองค์การเด็กและเยาวชน
ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และประธานมูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา
ในนามประธานคณะกรรมการดำเนินงานจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๗ นายสนั่น อังอุบลกุล
ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน
นางจรรย์สมร วัธนเวคิน
ที่ปรึกษาโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิม พระเกียรติ ๗๒ พรรษา นายชิม
ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และสมาคมจีนเก้าภาษา นายกิตติ
อิทธิภากร ประธานสหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย และ
องค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งประเทศ เฝ้าฯ รับเสด็จ
พร้อมด้วยบุคคลสำคัญต่างๆ
นำโดย นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, ศ.ดร.หวาง ฮวัน ภริยาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประจำประเทศไทย, รองนายกรัฐมนตรี อาทิ นายภูมิธรรม
เวชยชัย, นายอนุทิน ชาญวีระกูล, นายชูศักดิ์ ศิรินิล
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร, นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,
นายธนินท์เจียรวนนท์
ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์, นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ ฯลฯ ร่วมในพลับพลาพิธี
เมื่อวันก่อน
ภายในงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางจรรย์สมร วัธนเวคิน
ที่ปรึกษาโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายสนั่น
อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าเฝ้าฯ
ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตร แด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และคุณหญิงณัฐิกา
วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพฯ ประธานจัดงานฯ
กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ
กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ทรงเปิดซุ้มประตู "วชิรสถิต ๗๒ พรรษา" และ
ซุ้มประตู "วชิรธำรง ๗๒ พรรษา" และเบิกผู้สนับสนุนโครงการฯ
เข้ารับพระราชทานของที่ระลึกกราบบังคมทูลเชิญทอดพระเนตรการขับร้องเพลงสดุดีดุดีทศมราชาและการแสดงชุดเบญจกตัญญุตาบารมีแห่งมังกรสยาม
พร้อมทั้งขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับคณะผู้สนับสนุน
ตามลำดับ
ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อซุ้มประตู
"วชิรสถิต ๗๒ พรรษา" และ "วชิรธำรง ๗๒ พรรษา"
พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์
เมื่อเสด็จเข้าพลับพลาพิธี
ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
แล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์
แล้วทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
คณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ และผู้สนับสนุนโครงการฯ
บริเวณหน้าซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต ๗๒
พรรษา” จำนวน ๒ ชุดๆ ละ ๗๖ ราย ในเวลาต่อมาเสด็จไปยังพลับพลาที่ประทับ
ทอดพระเนตรการขับร้องเพลง “สดุดีทศมราชา” และการแสดงชุด “เบญจกตัญญุตาบารมีแห่งมังกรสยาม”
ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง เสด็จฯ
ไปยังวัดมังกรกมลาวาส พระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาส นำบรรพชิตจีน 73 รูป สวดถวายพระพร และทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล
ตามพระราชอัธยาศัย และทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย
ในสมุดที่ระลึกของวัดมังกรกมลาวาส
เสร็จแล้วประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่งไปยังซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” โดยมีนายหาน จื้อ เฉียง
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, ศ.ดร.หวาง
ฮวัน ภริยาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน นางจรรย์สมร วัธนเวคิน
ที่ปรึกษาโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิม พระเกียรติ ๗๒ พรรษา นายชิม ชินวิริยกุล
นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และสมาคมจีนเก้าภาษา นายกิตติ
อิทธิภากร ประธานสหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย และ
องค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งประเทศ เฝ้าฯ รับเสด็จ
การนี้ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
และคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงผู้มีอุปการคุณจำนวน 2 ชุดๆ ที่บริเวณหน้าซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง
๗๒ พรรษา”
ตลอดทั้งสองเส้นทางถนนเจริญกรุงตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
“วชิรสถิต ๗๒ พรรษา” ไปจนถึงซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ
“วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” มีประชาชนชาวไทย
ชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง และนักท่องเที่ยวนานาชาติ เฝ้าฯ
รอรับเสด็จ อย่างเนืองแน่น พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง
+++++++
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น