เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่
3
ลำปาง พร้อมด้วยส่วนที่เกี่ยวข้องนำหมายศาลไปตรวจค้นตรวจสอบจุดที่ได้รับการร้องเรียนบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฯในพื้นที่ อ.เสริมงาม
จ.ลำปาง พบชายวัย 67 ปี
แสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่อ้างรับกรรมสิทธิ์จากญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่มีเอกสารหลักฐานการครอบครอง
พบรุกป่าจริงเจ้าหน้าที่คุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
ภายใต้การอำนวยการของ
นายจิระ ทรงพุฒิผู้อำนวยการสำนักฯ ,นายภัทรเรนทร์ ประสิทธิกุล
ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าฯสั่งการให้ นายสหรัฐ แก้วมุกดา ตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ
หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.4 (แม่เสริม) ประสาน
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ลำปาง 3
เจ้าหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) ประสานงาน
ตำรวจ กก.4 บก. ปทส.(จว.ลำปาง) ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส. พ.ต.ท.ยศวัตน์
เอกกุล สว.กก.4 บก.ปทส.ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ/หน่วยปฏิบัติการ
ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปราม จว.ลำปาง
นำโดย ร.ต.ท.วสุอนันต์ สารีพันธ์ ตำแหน่ง
รอง สว. (ป) กก.4 บก. ปทส.(จว.ลำปาง) หัวหน้าชุด สนธิกำลัง
เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอเสริมงาม พร้อมด้วยสารวัตรกำนันตำบลเสริมงาม และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่
นำหมายศาลของจังหวัดลำปาง
เข้าตรวจสอบแปลงบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯในพื้นที่เขตป่า ตำบลเสริมกลาง
อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เสริม
เมื่อไปถึงได้พบชายวัย 67 ปี ทราบชื่อต่อมาคือนายแก้วมา
(ขอสงวนนามสกุลและที่อยู่) ชาวบ้านพื้นที่ ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม แห่งนี้
ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกมาจากพื้นที่แปลงดังกล่าวที่มีรั้วรอบขอบชิดอย่างแน่นหนา
และแสดงตนว่าเป็นเจ้าของแปลงพื้นที่ดังกล่าว
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและแสดงหมายค้นของศาลจังหวัดลำปาง
เพื่อเข้าตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆในสิทธิ์ครอบครองที่ดินผืนนี้ แต่ทางนายแก้วมา
ไม่มีเอกสารมาแสดง อ้างว่าได้รับสิทธิ์สืบทอดให้ดูแลมาจากญาติที่เสียชีวิต
เพื่อที่ทำการเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์
ก่อนที่จะนำพาไปตรวจสอบพื้นที่และชี้จุดต่างๆ
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเหตุเกิดป่าห้วนสันหนองห้า
ท้องที่บ้านเหล่ายาว หมู่ที่ 4 ตำบลเสริมกลาง อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง
เบื้องต้นตรวจสอบแล้วมีสิ่งปลูกสร้างถาวร เป็นบ้านพัก 1 หลัง
คอกเลี้ยงสัตว์ 1
หลัง ยุ้งฉาง โรงจอดรถและอื่นๆ พื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นที่ราบสลับเนินเขา
ด้านทิศเหนือมีร่องรอยการใช้เครื่องจักรกลไถปรับพื้นที่
ด้านทิศตะวันออกติดกับลำห้วยธรรมชาติ ด้านทิศใต้ติดเส้นทางสัญจรเข้าป่า
โดยมีประตูโลหะแบบตาข่ายลักษณะเป็นสองบานปิด/เปิดเข้าหากัน
ด้านทิศตะวันตกติดป่าธรรมชาติ โดยมีแนวรั้วเสาทำด้วยไม้ ขึงด้วยลวดหนามตามแนวขวาง
จำนวน 4 ชั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันใช้เครื่องมือระบบกำหนดตำแหน่งบนผิวโลก
(GNSS) โดยสัญญาณผ่านดาวเทียม ในระบบพิกัดกริด (UTM) ระบบ WGS 1984 ตรวจวัดค่าพิกัดโดยรอบแปลง ได้ค่าพิกัดจำนวน 22 จุด
เมื่อนำไปตรวจสอบกับแผนที่และแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ปรากฏว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เสริม บริเวณดังกล่าวยังไม่ได้เพิกถอนสภาพพื้นที่จากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และไม่มีผู้ใดขอเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่าพื้นที่แปลงดังกล่าวอยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่อยู่ในโครงการฯ คทช. ตามมติ คณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และไม่อยู่ในกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ทุกประเภท ตามมติ คณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 พบพื้นที่ถูกบุกรุก รวมเนื้อที่ จำนวน 24 – 1 – 94 ไร่ คิดค่าเสียหายที่รัฐประมาณ 1.6 ล้านบาทเศษ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น