วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568

เปิดไทม์ไลน์รับมือ ปี 69 โรงไฟฟ้าแม่เมาะ กำลังผลิตเหลือครึ่งเดียว

เป็นเวลากว่า 40 ปีที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ยืนหยัดผลิตไฟฟ้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ วิถีชีวิตของผู้คนมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเหมาะสมของระยะเวลา สภาพอุปกรณ์ และเทคโนโลยี ทำให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะบางส่วนจะต้องหยุดเดินเครื่องลงในปี พ.ศ.2569 ตามแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศ(PDP) โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้เตรียมพร้อมรับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น ได้แก่ กำลังการผลิตที่จะลดลงกว่าครึ่ง การปรับปรุงอุปกรณ์ให้สอดรับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมใหม่หรือแม้กระทั่งจำนวนพนักงานและลูกจ้างที่ต้องปรับลดลงตามสัดส่วนที่เหมาะสม
นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 ได้กล่าวถึงการเตรียมรองรับการเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โดยมีแนวทางการเลื่อนแผนการปลดเครื่องและปรับปรุงโรงไฟฟ้าว่า ในปี พ.ศ. 2569 กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแม่เมาะจาก 2,455 เมกะวัตต์ จะเหลือเพียง 1,200 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 9, 10, 12 และ 13 จะหยุดเดินเครื่อง จะเหลือเพียงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8, 11 และ 14 เท่านั้นที่ยังเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้วางแผนที่จะ เลื่อนแผนการปลดเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 และ 11 ขนาดกำลังการผลิตเครื่องละ 300 เมกะวัตต์ ไปถึงปี พ.ศ.2573 โดยจะมีการบำรุงรักษาตามวาระ พร้อมทั้งปรับปรุงอุปกรณ์บางส่วนให้สามารถรองรับถ่านแคลเซียมออกไซด์สูง
ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 12 และ 13 กำลังการผลิตเครื่องละ 300 เมกะวัตต์ จะพักให้บริการพลังงานระหว่างปี พ.ศ. 2569 – พ.ศ. 2573 ประมาณ 5 ปี เพื่อจะทำการ Refurbish หรือปรับปรุง ขณะนี้อยู่ระหว่างหาที่ปรึกษามาให้คำแนะนำในการดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์ โดยเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์หลัก อาทิ หม้อไอน้ำ(Boiler), เครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์(FGD), เครื่องดักจับฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต(ESP) และติดตั้งอุปกรณ์เครื่องดักจับก๊าซไนโตรเจนออกไซด์(SCR) เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานกฎหมายสิ่งแวดล้อมใหม่ที่จะบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2575 ทั้งนี้ แผนการเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าและแผนการพักให้บริการพลังงานจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ส่วนแผนการปรับปรุง Refurbish จะต้องมีการชี้แจงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการด้านสิ่งแวดล้อม และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนเริ่มดำเนินโครงการ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในมิติของสังคมชุมชน ก็คือ กำลังการผลิตไฟฟ้าที่เหลือเพียง 1,200 เมกะวัตต์ ทำให้การนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ลดลงตามหน่วยการผลิต ซึ่งอาจรวมถึงค่าภาคหลวงแร่เมื่อมีการขุดขนถ่านหินน้อยลงการนำส่งเงินค่าภาคหลวงแร่ให้รัฐก็จะน้อยตามไปด้วย รวมไปถึงด้านเศรษฐกิจเมื่อปัจจัยต่างๆ ลดขนาดลง การใช้ทรัพยากรลดลง จำนวนคนลดลง มูลค่าการจ้างงานก็จะลดลงไปด้วย ซึ่งตามแผนการทำเหมืองแม่เมาะหากสามารถทำเหมืองใต้ดินได้โครงการจะไปสิ้นสุดในปี พ.ศ.2591 แต่ถ้าทำไม่ได้และไม่สามารถหาเชื้อเพลิงอื่นมาทดแทนได้โครงการ กฟผ.แม่เมาะก็จะปิดตัวลงในปี พ.ศ.2585 อย่างไรก็ตาม กฟผ.แม่เมาะ ยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับการดำเนินงานได้ อาทิ พื้นที่สำหรับใช้ปลูกพืชพลังงานทดแทน โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งบนบกและในอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบกักเก็บพลังงาน โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับบริเวณบ่อเหมือง รวมไปถึงการดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับผู้กำหนดนโยบายที่จะต้องตัดสินใจต่อไปในอนาคต
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์