วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เครือข่ายพระนักพัฒนาภาคเหนือ เสนอปฏิรูปคณะสงฆ์ สู่ความโปร่งใส-กระจายอำนาจ หลังเหตุละเมิดวินัย-คอรัปชั่นกระทบศรัทธาชาวพุทธ

เมื่อวันที่  22 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ  ที่พักสงฆ์สถาบันธรรมารภิวัฒน์บ้านสบเติ๋น ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง  คณะสงฆ์ในนามเครือข่ายพระนักพัฒนาชุมชนภาคเหนือ (คพชน)  จำนวน 6 รูป ประกอบด้วย พระครูสุจิณนันทกิจ เจ้าคณะอำเภอสันติสุข จ.น่าน  พระสาธิต ธีรปัญโญ สถาบันธรรมาวัฒน์  พระยงยุทธ ธีปโก วัดป้างงุ้น จ.แพร่  พระครูสุจิณนันทธรรม วัดหนองป่าค่า อ.นาน้อย จ.น่าน  พระคงศิลป์ เขื่อนอ้น วัดนิโครธาราม และพระมหาคมสัน ฐิตญาโณ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่  ร่วมประชุมแกนนำเพื่อเรียกร้องปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ไทย หลังเหตุการณ์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ละเมิดพระวินัยและทุจริตคอรัปชั่นส่งผลกระทบต่อศรัทธาของชาวพุทธ


โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอการปรับแก้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 เสนอต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร

พระครูสุจิณนันทกิจ เจ้าคณะอำเภอสันติสุข กล่าวว่า เหตุการณ์การละเมิดพระวินัยและการทุจริตคอรัปชั่นงบประมาณแผ่นดินและปัจจัยบริจาคของชาวพุทธ ได้สร้างความสลดหดหู่ในหมู่ชาวพุทธ โดยกลุ่มที่แยกแยะไม่ได้อาจหมดศรัทธาในพระพุทธศาสนาไปในที่สุด  การปฏิรูปจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชน และสร้างระบบบริหารคณะสงฆ์ให้โปร่งใส ทันสมัย มีส่วนร่วม



โดย 5 แกนหลักในการปฏิรูป ได้แก่  

1.การปรับโครงสร้างองค์กร  โดยปรับบทบาทมหาเถรสมาคมเป็นหน่วยกำหนดนโยบาย ไม่รวมศูนย์อำนาจบริหาร  ตั้ง "สภาคณะสงฆ์แห่งชาติ" รวมพระสายต่างๆ และฆราวาสผู้ทรงคุณวุฒิ กระจายอำนาจสู่ "คณะกรรมการบริหารสงฆ์ท้องถิ่น"

2. ธรรมาภิบาลโปร่งใส  จัดตั้ง "สำนักงานตรวจสอบกิจการคณะสงฆ์" เป็นหน่วยอิสระ รายงานบัญชีและกิจกรรมต่อสาธารณะ ใช้ระบบ e-Governance

3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ตั้ง "สภาวัด" มีทั้งพระและฆราวาสบริหารร่วมกัน พระทุกสายมีตัวแทนในโครงสร้างปกครอง จัดเวทีปรึกษาหารือประจำปี

4. ระบบการแต่งตั้งโปร่งใส แต่งตั้งสมณศักดิ์ตามหลักคุณธรรม วิชาการ และผลงานมีการสรรหาเจ้าอาวาสและพระสังฆาธิการ

5. พัฒนาองค์กรสู่ความทันสมัยฝึกอบรมพระสังฆาธิการ ด้านบริหารและจริยธรรมพัฒนาคู่มือบริหารคณะสงฆ์ เชื่อมโยงองค์กรพุทธระดับสากล



นอกจากนั้นเครือข่ายฯ เสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปคณะสงฆ์ระดับชาติ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากพระสงฆ์ทั่วประเทศและประชาชน ก่อนร่างกฎหมายและข้อบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับใหม่ที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการทดลองนำร่องในบางจังหวัดหรือเขตการปกครองสงฆ์ก่อนขยายผลทั่วประเทศ

ดั้งนั้น การปฏิรูปครั้งนี้มุ่งให้คณะสงฆ์มีอิสระทางธรรม แต่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเปิดโอกาสให้พระสงฆ์ทุกระดับมีบทบาทในการพัฒนาสังคม  ทั้งนี้ เครือข่ายฯ จะนำข้อเสนอนี้เสนอต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางนายพินิจ ทองคำ ตัวแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ และกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

พระครูสุจิณนันทกิจ กล่าวทิ้งท้ายว่า พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองได้ต้องอาศัยพุทธบริษัทสี่ ซึ่งประกอบด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา  ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ โดยเฉพาะผู้บริหารองค์กร อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชน แต่นั่นเป็นเพียงส่วนบุคคล และพุทธศาสนิกชนไม่ควรลืมว่ายังมีพุทธบริษัทอีกสามส่วนที่เหลืออยู่  ดังนั้น หากเรารักพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ก็อยากให้พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะอุบาสกและอุบาสิกา มาร่วมมือกันเป็นเสาหลักในการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงแข็งแรง

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์