วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

คำเมืองวันละนิด โลกสีสันแห่งเมืองเหนือ สีคำเมือง ต้องมี(สร้อย)

 


ดำคึลึ เขียวอุ่มตุ่ม แดงปะหลึ้ง! มาแอ่วเหนือเรียนรู้สีสันแบบคนเมืองแต๊ๆ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า "คำเมือง" หรือภาษาเหนือมาบ้าง แต่คุณรู้ไหมว่าในคำเมืองนั้น มีคำเรียก "สี" ที่หลากหลายและมีความหมายเฉพาะตัว จนบางครั้งคำเดียวก็สามารถสื่อถึงความรู้สึกหรือลักษณะของสีได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้เราอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับสีสันในแบบฉบับคำเมือง เพื่อที่คุณจะได้ "ม่วนอกม่วนใจ๋" และ "อิน" กับบรรยากาศเมืองเหนือได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ขาวจั๊วะ ดำคึลึ: ไม่ใช่แค่ขาวดำธรรมดา แต่มีความหมายซ่อนอยู่!

เริ่มต้นกันที่สองสีพื้นฐานอย่าง "ขาว" และ "ดำ" ที่เราคุ้นเคยกันดี แต่ในคำเมืองนั้น มีคำเรียกขานที่บ่งบอกถึงความแตกต่างของเฉดสีได้อย่างน่าสนใจ

·         ขาวจั๊วะ (ขาวนวล): ลองนึกถึงดอกมะลิที่เพิ่งบาน หรือผ้าฝ้ายทอมือสีธรรมชาติที่สะอาดตา นั่นแหละคือ "ขาวจั๊วะ" เป็นสีขาวที่ดูอบอุ่นสบายตา ไม่ใช่ขาวโอโม่จนแสบตา

·         ขาวโจ๊ะโฟ้ะ (ขาวมากๆ): สำหรับใครที่ชอบความขาวแบบเจิดจ้า สว่างวาบ เห็นแล้วต้องเหลียวหลัง นั่นคือ "ขาวโจ๊ะโฟ้ะ" อาจจะนึกถึงเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อมา หรือบางทีก็อาจจะใช้กับสีผิวของคนที่มีผิวขาวมากๆ จนโดดเด่นออกมา

·         ขาวเผอะขาวเผิด (ขาวซีด): แต่ถ้าเป็นความขาวที่ดูไม่สดใส ออกไปทางอ่อนเพลีย ไร้ชีวิตชีวา จะเรียกว่า "ขาวเผอะขาวเผิด" นึกถึงคนที่ป่วย หรือดอกไม้ที่กำลังจะโรยรา สีแบบนี้จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากความขาวแบบอื่นๆ โดยสิ้นเชิง

·         เปิดเจ้อะเห้อะ (สีขาวซีด): คล้ายคลึงกับ "ขาวเผอะขาวเผิด" แต่คำว่า "เปิดเจ้อะเห้อะ" นี้ก็ใช้เพื่ออธิบายถึงความขาวที่ซีดจนดูไม่สดใสได้เช่นกัน เมื่อเดินเล่นในตลาดพื้นเมือง แล้วเห็นเสื้อผ้าบางชิ้นที่ดูเก่าแล้ว สีจืดจางลงไป นั่นอาจจะเรียกว่า "เปิดเจ้อะเห้อะ" ก็เป็นได้

มาต่อกันที่สีเข้มข้นอย่าง "ดำ" ที่ในคำเมืองก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

·         ดำคุมมุม (ดำสลัว): ลองจินตนาการถึงยามค่ำคืนที่แสงไฟสลัวๆ หรือมุมห้องที่มืดครึ้ม ไม่ได้มืดสนิท แต่ก็ไม่สว่าง นั่นคือ "ดำคุมมุม" ให้ความรู้สึกที่ลึกลับน่าค้นหา เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟในคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ ยามเย็น

·         ดำคึลึ (ดำมาก ๆ): ถ้าความดำแบบ "ดำคุมมุม" ยังไม่สะใจพอ ลองมาเจอ "ดำคึลึ" ที่สื่อถึงความดำที่เข้มข้น ดำสนิทจนมองไม่เห็นรายละเอียดอะไรเลย ลองนึกถึงถ้ำมืดๆ หรือค่ำคืนที่ไร้ดวงดาวนั่นแหละคือความ "ดำคึลึ" ที่แท้จริง

·         ดำขี้ตี้ (ดำจากสีไคล): คำนี้อาจจะฟังดูตลก แต่ก็สะท้อนถึงวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านได้ดี "ดำขี้ตี้" คือความดำที่เกิดจากการสะสมของคราบไคล หรือสิ่งสกปรกต่างๆ มักใช้กับข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้งานมานานจนมีคราบดำติดอยู่ ไม่ได้เป็นความดำที่ตั้งใจให้เป็น แต่เป็นความดำที่บอกเล่าเรื่องราวการใช้งาน

·         ดำขะลึงตึง (ดำคล้ำมาก): ถ้าพูดถึงผิวคล้ำเสียจากแดดแรงๆ ของเมืองไทย หรือผักผลไม้บางชนิดที่ดูไม่สดใส จะใช้คำว่า "ดำขะลึงตึง" เป็นความดำที่ออกไปทางคล้ำเสีย ไม่ได้ดำสนิทแบบ "ดำคึลึ" แต่ก็ไม่ใช่ดำสลัวแบบ "ดำคุมมุม" มีความเฉพาะตัวที่น่าสนใจ

·         ดำคิมมิม (ดำกระด่าง): เคยเห็นอะไรที่เป็นสีดำไม่สม่ำเสมอ มีรอยด่างดำ หรือสีที่ไม่เรียบเนียนไหม นั่นแหละคือ "ดำคิมมิม" อาจจะใช้กับผ้าที่สีตก หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบเนียน ลองสังเกตผนังเก่าๆ หรือของเก่าแก่ในบ้านเรือนไทย อาจจะเจอความ "ดำคิมมิม" ที่แฝงตัวอยู่

·         ดำผึดำผึด (ดำมากๆ ดำไปทั่วทั้งหมด): หากความดำปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผืนดิน ท้องฟ้า หรือสิ่งของต่างๆ นั่นคือ "ดำผึดำผึด" ให้ความรู้สึกที่ดำทะมึน และครอบคลุมไปทั่วทั้งหมด

·         ดำพึ้ด (ดำทั้งแถบ): คล้ายคลึงกับ "ดำผึดำผึด" แต่ "ดำพึ้ด" จะเน้นไปที่ความดำที่เป็นแนว หรือเป็นแถบยาวๆ เช่นกลุ่มเมฆฝนที่กำลังจะมา สีดำของถนนที่ทอดยาว หรือแถบผ้าสีดำสนิท

แดงฮ่าม เขียวคึลึ้ เหลืองเอิ้มเสิ่ม: สีสันจัดจ้านแห่งเมืองเหนือ

นอกจากขาวและดำแล้ว สีสันอื่นๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์และชีวิตชีวาของเมืองเหนือได้อย่างดีเยี่ยม

·         แดงฮ่าม (แดงอร่าม): สีแดงที่เปล่งประกาย สุกสกาว มองเห็นแต่ไกล ให้ความรู้สึกสดใส มีชีวิตชีวา นั่นคือ "แดงฮ่าม" ลองนึกถึงเครื่องประดับที่ประดับด้วยอัญมณีสีแดงสดใส รับรองว่าคุณจะเข้าใจความหมายของ "แดงฮ่าม" ได้เป็นอย่างดี

·         แดงเผ้อเหล้อ (แดงเป็นจุดใหญ่จุดเดียว): หากมีอะไรที่สีแดงโดดเด่นออกมาเป็นจุดๆ หรือเป็นบริเวณกว้างๆ เพียงจุดเดียว นั่นคือ "แดงเผ้อเหล้อ" อาจจะนึกถึงป้ายร้านอาหารที่ใช้สีแดงสดสะดุดตา หรือผลไม้ที่สุกงอมจนเป็นสีแดงเข้มเพียงลูกเดียวที่โดดเด่นออกมา

·         แดงพี่หลี้ (แดงอมชมพู): สีแดงที่ไม่ใช่แดงสด แต่เป็นแดงที่ผสมผสานกับความหวานละมุนของสีชมพู นั่นคือ "แดงพี่หลี้" เป็นสีที่ให้ความรู้สึกน่ารัก อ่อนหวาน

·         แดงปะหลึ้ง (แดงจัดมาก): หากความแดงในแบบอื่นๆ ยังไม่พอ ต้องมาเจอ "แดงปะหลึ้ง" ที่สื่อถึงความแดงที่จัดจ้าน เข้มข้นที่สุด มองเห็นแล้วต้องสะดุดตา

ต่อด้วยสีเขียวที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ

·      เขียวคึลึ้ (เขียวเข้ม): สีเขียวที่เข้มข้น ลึกซึ้ง ให้ความรู้สึกถึงป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ หรือความเขียวขจีของใบไม้ที่ผ่านฝนพรำมา นั่นคือ "เขียวคึลึ้"

·         เขียวอุ่มฮุ่ม (เขียวขุ่นข้น): แตกต่างจาก "เขียวคึลึ้" ตรงที่ "เขียวอุ่มฮุ่ม" จะเป็นสีเขียวที่ดูขุ่นมัว ไม่สดใส ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป อาจจะนึกถึงน้ำในลำธารที่ขุ่นเข้ม หรือสีของสาหร่ายบางชนิดที่ดูไม่ใสสะอาด

ปิดท้ายด้วยสีเหลืองที่เปรียบเสมือนแสงอาทิตย์อันอบอุ่น

·         เหลืองเอิ้มเสิ่ม (เหลืองอมส้ม): สีเหลืองที่เจือไปด้วยความส้มเล็กน้อย ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดใส เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า หรือผลส้มที่สุกงอม นั่นคือ "เหลืองเอิ้มเสิ่ม" เป็นสีที่ดูมีชีวิตชีวา และน่ามอง

·         เหลืองห่าม (เหลืองอร่าม): ถ้าพูดถึงความเหลืองที่เปล่งประกาย สุกสกาว มองเห็นแต่ไกล ให้ความรู้สึกโออ่า สง่างาม นั่นคือ "เหลืองอ่ามห่าม" ลองนึกถึงเครื่องประดับทองคำ หรือองค์พระพุทธรูปที่ประดับด้วยทองคำเปลว คุณจะสัมผัสได้ถึงความ "เหลืองอ่ามห่าม" ที่งดงามและมีมนต์ขลัง

เสน่ห์ของคำเมืองคือการที่คำเดียวสามารถสื่อความหมายได้ชัดเจน ทำให้เราสัมผัสถึงความละเอียดอ่อนและความงดงามของภาษาท้องถิ่นที่สะท้อนวิถีชีวิตและธรรมชาติของเมืองเหนือได้อย่างลึกซึ้ง


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์