ดำคึลึ เขียวอุ่มตุ่ม
แดงปะหลึ้ง! มาแอ่วเหนือเรียนรู้สีสันแบบคนเมืองแต๊ๆ
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า
"คำเมือง" หรือภาษาเหนือมาบ้าง แต่คุณรู้ไหมว่าในคำเมืองนั้น มีคำเรียก
"สี" ที่หลากหลายและมีความหมายเฉพาะตัว
จนบางครั้งคำเดียวก็สามารถสื่อถึงความรู้สึกหรือลักษณะของสีได้อย่างชัดเจน
โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้เราอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับสีสันในแบบฉบับคำเมือง
เพื่อที่คุณจะได้ "ม่วนอกม่วนใจ๋" และ "อิน" กับบรรยากาศเมืองเหนือได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขาวจั๊วะ ดำคึลึ:
ไม่ใช่แค่ขาวดำธรรมดา แต่มีความหมายซ่อนอยู่!
เริ่มต้นกันที่สองสีพื้นฐานอย่าง
"ขาว" และ "ดำ" ที่เราคุ้นเคยกันดี แต่ในคำเมืองนั้น
มีคำเรียกขานที่บ่งบอกถึงความแตกต่างของเฉดสีได้อย่างน่าสนใจ
·
ขาวจั๊วะ
(ขาวนวล): ลองนึกถึงดอกมะลิที่เพิ่งบาน
หรือผ้าฝ้ายทอมือสีธรรมชาติที่สะอาดตา นั่นแหละคือ "ขาวจั๊วะ" เป็นสีขาวที่ดูอบอุ่นสบายตา
ไม่ใช่ขาวโอโม่จนแสบตา
·
ขาวโจ๊ะโฟ้ะ
(ขาวมากๆ): สำหรับใครที่ชอบความขาวแบบเจิดจ้า
สว่างวาบ เห็นแล้วต้องเหลียวหลัง นั่นคือ "ขาวโจ๊ะโฟ้ะ" อาจจะนึกถึงเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อมา
หรือบางทีก็อาจจะใช้กับสีผิวของคนที่มีผิวขาวมากๆ จนโดดเด่นออกมา
·
ขาวเผอะขาวเผิด
(ขาวซีด): แต่ถ้าเป็นความขาวที่ดูไม่สดใส
ออกไปทางอ่อนเพลีย ไร้ชีวิตชีวา จะเรียกว่า "ขาวเผอะขาวเผิด" นึกถึงคนที่ป่วย
หรือดอกไม้ที่กำลังจะโรยรา
สีแบบนี้จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากความขาวแบบอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
·
เปิดเจ้อะเห้อะ
(สีขาวซีด): คล้ายคลึงกับ
"ขาวเผอะขาวเผิด" แต่คำว่า "เปิดเจ้อะเห้อะ" นี้ก็ใช้เพื่ออธิบายถึงความขาวที่ซีดจนดูไม่สดใสได้เช่นกัน
เมื่อเดินเล่นในตลาดพื้นเมือง แล้วเห็นเสื้อผ้าบางชิ้นที่ดูเก่าแล้ว สีจืดจางลงไป
นั่นอาจจะเรียกว่า "เปิดเจ้อะเห้อะ" ก็เป็นได้
มาต่อกันที่สีเข้มข้นอย่าง "ดำ"
ที่ในคำเมืองก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
·
ดำคุมมุม
(ดำสลัว): ลองจินตนาการถึงยามค่ำคืนที่แสงไฟสลัวๆ
หรือมุมห้องที่มืดครึ้ม ไม่ได้มืดสนิท แต่ก็ไม่สว่าง นั่นคือ "ดำคุมมุม"
ให้ความรู้สึกที่ลึกลับน่าค้นหา
เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟในคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ ยามเย็น
·
ดำคึลึ
(ดำมาก ๆ): ถ้าความดำแบบ
"ดำคุมมุม" ยังไม่สะใจพอ ลองมาเจอ "ดำคึลึ" ที่สื่อถึงความดำที่เข้มข้น
ดำสนิทจนมองไม่เห็นรายละเอียดอะไรเลย ลองนึกถึงถ้ำมืดๆ
หรือค่ำคืนที่ไร้ดวงดาวนั่นแหละคือความ "ดำคึลึ" ที่แท้จริง
·
ดำขี้ตี้
(ดำจากสีไคล): คำนี้อาจจะฟังดูตลก
แต่ก็สะท้อนถึงวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านได้ดี "ดำขี้ตี้" คือความดำที่เกิดจากการสะสมของคราบไคล
หรือสิ่งสกปรกต่างๆ มักใช้กับข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้งานมานานจนมีคราบดำติดอยู่
ไม่ได้เป็นความดำที่ตั้งใจให้เป็น แต่เป็นความดำที่บอกเล่าเรื่องราวการใช้งาน
·
ดำขะลึงตึง
(ดำคล้ำมาก): ถ้าพูดถึงผิวคล้ำเสียจากแดดแรงๆ
ของเมืองไทย หรือผักผลไม้บางชนิดที่ดูไม่สดใส จะใช้คำว่า "ดำขะลึงตึง" เป็นความดำที่ออกไปทางคล้ำเสีย
ไม่ได้ดำสนิทแบบ "ดำคึลึ" แต่ก็ไม่ใช่ดำสลัวแบบ "ดำคุมมุม"
มีความเฉพาะตัวที่น่าสนใจ
·
ดำคิมมิม
(ดำกระด่าง): เคยเห็นอะไรที่เป็นสีดำไม่สม่ำเสมอ
มีรอยด่างดำ หรือสีที่ไม่เรียบเนียนไหม นั่นแหละคือ "ดำคิมมิม" อาจจะใช้กับผ้าที่สีตก
หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบเนียน ลองสังเกตผนังเก่าๆ หรือของเก่าแก่ในบ้านเรือนไทย
อาจจะเจอความ "ดำคิมมิม" ที่แฝงตัวอยู่
·
ดำผึดำผึด
(ดำมากๆ ดำไปทั่วทั้งหมด): หากความดำปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผืนดิน ท้องฟ้า
หรือสิ่งของต่างๆ นั่นคือ "ดำผึดำผึด" ให้ความรู้สึกที่ดำทะมึน
และครอบคลุมไปทั่วทั้งหมด
·
ดำพึ้ด
(ดำทั้งแถบ): คล้ายคลึงกับ
"ดำผึดำผึด" แต่ "ดำพึ้ด" จะเน้นไปที่ความดำที่เป็นแนว
หรือเป็นแถบยาวๆ เช่นกลุ่มเมฆฝนที่กำลังจะมา สีดำของถนนที่ทอดยาว
หรือแถบผ้าสีดำสนิท
แดงฮ่าม เขียวคึลึ้
เหลืองเอิ้มเสิ่ม: สีสันจัดจ้านแห่งเมืองเหนือ
นอกจากขาวและดำแล้ว สีสันอื่นๆ
ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์และชีวิตชีวาของเมืองเหนือได้อย่างดีเยี่ยม
·
แดงฮ่าม
(แดงอร่าม): สีแดงที่เปล่งประกาย
สุกสกาว มองเห็นแต่ไกล ให้ความรู้สึกสดใส มีชีวิตชีวา นั่นคือ "แดงฮ่าม"
ลองนึกถึงเครื่องประดับที่ประดับด้วยอัญมณีสีแดงสดใส
รับรองว่าคุณจะเข้าใจความหมายของ "แดงฮ่าม" ได้เป็นอย่างดี
·
แดงเผ้อเหล้อ
(แดงเป็นจุดใหญ่จุดเดียว): หากมีอะไรที่สีแดงโดดเด่นออกมาเป็นจุดๆ หรือเป็นบริเวณกว้างๆ
เพียงจุดเดียว นั่นคือ "แดงเผ้อเหล้อ" อาจจะนึกถึงป้ายร้านอาหารที่ใช้สีแดงสดสะดุดตา
หรือผลไม้ที่สุกงอมจนเป็นสีแดงเข้มเพียงลูกเดียวที่โดดเด่นออกมา
·
แดงพี่หลี้
(แดงอมชมพู): สีแดงที่ไม่ใช่แดงสด
แต่เป็นแดงที่ผสมผสานกับความหวานละมุนของสีชมพู นั่นคือ "แดงพี่หลี้" เป็นสีที่ให้ความรู้สึกน่ารัก
อ่อนหวาน
· แดงปะหลึ้ง (แดงจัดมาก): หากความแดงในแบบอื่นๆ ยังไม่พอ ต้องมาเจอ "แดงปะหลึ้ง" ที่สื่อถึงความแดงที่จัดจ้าน เข้มข้นที่สุด มองเห็นแล้วต้องสะดุดตา
ต่อด้วยสีเขียวที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
· เขียวคึลึ้ (เขียวเข้ม): สีเขียวที่เข้มข้น ลึกซึ้ง ให้ความรู้สึกถึงป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ หรือความเขียวขจีของใบไม้ที่ผ่านฝนพรำมา นั่นคือ "เขียวคึลึ้"
·
เขียวอุ่มฮุ่ม
(เขียวขุ่นข้น): แตกต่างจาก
"เขียวคึลึ้" ตรงที่ "เขียวอุ่มฮุ่ม" จะเป็นสีเขียวที่ดูขุ่นมัว
ไม่สดใส ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป อาจจะนึกถึงน้ำในลำธารที่ขุ่นเข้ม
หรือสีของสาหร่ายบางชนิดที่ดูไม่ใสสะอาด
ปิดท้ายด้วยสีเหลืองที่เปรียบเสมือนแสงอาทิตย์อันอบอุ่น
·
เหลืองเอิ้มเสิ่ม
(เหลืองอมส้ม): สีเหลืองที่เจือไปด้วยความส้มเล็กน้อย
ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดใส เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า หรือผลส้มที่สุกงอม นั่นคือ
"เหลืองเอิ้มเสิ่ม" เป็นสีที่ดูมีชีวิตชีวา
และน่ามอง
·
เหลืองห่าม
(เหลืองอร่าม): ถ้าพูดถึงความเหลืองที่เปล่งประกาย
สุกสกาว มองเห็นแต่ไกล ให้ความรู้สึกโออ่า สง่างาม นั่นคือ
"เหลืองอ่ามห่าม" ลองนึกถึงเครื่องประดับทองคำ
หรือองค์พระพุทธรูปที่ประดับด้วยทองคำเปลว คุณจะสัมผัสได้ถึงความ
"เหลืองอ่ามห่าม" ที่งดงามและมีมนต์ขลัง
เสน่ห์ของคำเมืองคือการที่คำเดียวสามารถสื่อความหมายได้ชัดเจน
ทำให้เราสัมผัสถึงความละเอียดอ่อนและความงดงามของภาษาท้องถิ่นที่สะท้อนวิถีชีวิตและธรรมชาติของเมืองเหนือได้อย่างลึกซึ้ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น