วันที่
31
สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมเวียงลคอร จังหวัดลำปาง
คณะผู้วิจัยนำโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่
(บพท.) และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง
จัดการประชุมเสวนาแลกเปลี่ยนโดยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน และแถลงผลงานโครงการศึกษา “การพัฒนานวัตกรรมเพื่อการจัดการชีวมวลข้าวโพดอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อลดปัญหามลพิษหมอกควันไฟป่าและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน”
พร้อมกันนี้ได้จัดพิธีแถลงข่าว“การขยายผลโครงการวิจัยฯ
สู่ความร่วมมือโมเดลต้นแบบการบริหารจัดการชีวมวลจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
ด้วยกระบวนการเทคโนโลยีแบบเปิด เพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในพื้นที่นำร่อง
อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง” ขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือจาก 4 ภาคส่วนสำคัญ
ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่
(บพท.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กฟผ.แม่เมาะ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง
รศ.ดร.ปุ่น
เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่
กล่าวว่า "เศรษฐกิจใหม่ลำปาง"
ถือกำเนิดขึ้นภายใต้กรอบเศรษฐกิจภาคเหนือ โดยสภาพัฒน์ มุ่งเน้นการขับเคลื่อน อุตสาหกรรมชีวภาพ
(Bio-industry)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พืชพลังงานจากข้าวโพด ลำปางมีศักยภาพที่ชัดเจนในเรื่องของพืชพลังงาน
ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพ
จึงเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับชีวภาพ เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่
และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ปัญหาหลักที่โครงการมุ่งแก้ไขคือการจัดการต้นและใบข้าวโพด
รวมถึงตอที่ติดอยู่หลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งโดยทั่วไปมักจัดการด้วยการเผาทิ้ง
และเป็นสาเหตุสำคัญของ PM 2.5 ดังนั้น
วัตถุประสงค์ของโครงการคือการจัดการเศษชีวมวลเหล่านี้เพื่อลดการเผา
และสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร
รศ.ดร.ภารวี มณีจักร หัวหน้าโครงการ คณะเศรษฐศาสตร์ มช. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้ทางวิชาการ และเป็นทีมสนับสนุนการดำเนินงาน โดยเฉพาะในการดูแลให้วิสาหกิจชุมชน ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีจัดการชีวมวลตั้งแต่ต้นทาง สามารถดำเนินงานตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ด้านวิธีการจัดการชีวมวลข้าวโพด ขอบเขตเวลาที่เหมาะสมในการตัดต้น ตอ ใบ ให้ได้น้ำหนักที่คุ้มค่ากับการขนส่ง เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องและบรรลุผลตามโครงการ
ขณะที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้รับซื้อชีวมวลข้าวโพดเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า กฟผ. มีงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถเผาชีวมวลจากข้าวโพดได้ในสัดส่วนที่เหมาะสม
นายศีลวันต์
โสฬสลิขิต หัวหน้าหน่วยวางแผนและบริหาร โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ กล่าวว่า
กฟผ.แม่เมาะ มีความตั้งใจที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่
เพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่ลดลง
และสนใจที่จะซื้อชีวมวลข้าวโพดไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า จึงต้องมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้
การรับซื้อชีวมวลต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของโครงสร้างค่าไฟฟ้าของประเทศ
เพื่อไม่ให้ต้นทุนสูงเกินไป
โครงการนี้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น
2 ระยะหลัก คือ ระยะที่ 1
การศึกษาและออกแบบโมเดล วัตถุประสงค์หลักเป็นการค้นหาราคาที่เหมาะสมสำหรับชีวมวลข้าวโพดที่ทั้งเกษตรกร
ผู้ขาย และภาคธุรกิจ ผู้ซื้อ โดยเฉพาะ
กฟผ. สามารถอยู่รอดได้และดำเนินการอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังรวมถึงการศึกษาแนวทางในการจัดการต้นและใบข้าวโพดให้คุ้มค่ากับการขนส่ง
และกำหนดขอบเขตเวลาในการตัดที่เหมาะสมที่สุด
งบประมาณสำหรับระยะการศึกษานี้อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท ครอบคลุมการศึกษาใน
8 จังหวัดภาคเหนือ
ระยะที่
2
การเตรียมความพร้อมและการดำเนินงานนำร่อง
ระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยพื้นที่นำร่อง คือ ตำบลจางเหนือ อำเภอแม่เมาะ
จังหวัดลำปาง
เนื่องจากผลการศึกษาชี้ว่าพื้นที่นี้อยู่ในรัศมีที่คุ้มค่าในการขนส่งชีวมวล โดยจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)
อย่างเป็นทางการ ระหว่าง 4 ภาคส่วนหลัก การจัดสรรงบประมาณสนับสนุน จาก บพท. และ กฟผ.
ลงไปสู่พื้นที่และการสนับสนุนเครื่องจักรตั้งต้น
ด้วยการจ่ายเม็ดเงินตามงบประมาณที่ศึกษาไว้ให้กับวิสาหกิจชุมชน โดยประมาณ 3-4
ล้านบาท สำหรับ 1 โมดูลเครื่องจักรนี้ คาดว่า 1
โมดูลสามารถแก้ไขปัญหาการจัดการชีวมวลในพื้นที่ประมาณ 500-2,000 ไร่
เป้าหมายเร่งด่วนที่จะเห็นความคืบหน้าและเริ่มดำเนินการภายใน
3 เดือน ทั้งนี้เพื่อให้ทันกับช่วงเวลาเก็บเกี่ยวข้าวโพด (กันยายน-ตุลาคม)
หากไม่สามารถจัดการได้ทันในปีนี้ ก็จะต้องรอไปปีหน้า
ซึ่งจะทำให้ปัญหาหมอกควันกลับมาอีกครั้งในหน้าแล้ง
ด้านนายอภิชัย
สัชฌะไชย ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง กล่าวว่า
สภาอุตสาหกรรม มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการงบประมาณและเป็นแหล่งรับซื้อชีวมวลจากภาคเอกชนอื่นๆ
ได้ ซึ่งจะช่วยขยายผลโมเดลนี้ไปยัง 8 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งจะช่วยดึงภาคเอกชนสามารถเข้ามาลงทุนได้ในอนาคต
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น