โครงการ “แม่เมาะเมืองน่าอยู่”
บิ๊กโปรเจคของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ เดินหน้าสู่ปีที่ 4 พัฒนาเมืองต้นแบบ Smart
City โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ Smart
Environment, Smart Economy และ Smart Energy หัวใจของโครงการอยู่ที่การส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์ในชุมชน
และองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรลง 30%
ภายในปี 2573
รวมทั้งต่อยอดสู่การสร้างรายได้ผ่าน คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)
ปีที่ผ่านมา กฟผ.แม่เมาะ
มุ่งพัฒนาพลังงานสะอาด และลดการใช้พลังงานในอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
ผ่านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในหน่วยงานสำคัญ คือ โรงพยาบาลแม่เมาะ
โรงเรียนแม่เมาะวิทยา ที่ว่าการอำเภอแม่เมาะ รวมถึงโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ กฟผ.
ได้แก่ ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ อาคารบล็อกประสาน และบริษัท นิคมชุมชนเกษตร จำกัด
รวมทั้งสิ้น 6
พื้นที่ สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 459,956 kWh/ปี
และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 219 ตัน CO2 ต่อปี ตลอด 7 ปี (พ.ศ. 2568 - 2574) ลดก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1,539 ตัน CO2
คาร์บอนเครดิต เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการ "แม่เมาะเมืองน่าอยู่" กฟผ.แม่เมาะ จึงเข้ามาเป็นผู้พัฒนาโครงการแบบรวมกลุ่ม (Bundling Project) เพื่อช่วยเหลือชุมชนในการดำเนินการ โดยคาร์บอนเครดิตที่ได้สามารถขายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม หรือเก็บไว้เป็นสินทรัพย์เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานในอนาคต
ก้าวสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต
นางฐิติพร สุภาษี
หัวหน้าหน่วยพัฒนาโครงการ “แม่เมาะเมืองน่าอยู่” เปิดเผยว่า
การพัฒนานี้เป็นการต่อยอดแนวคิด Smart Energy สู่ Smart
Environment โดยเน้นการใช้พลังงานสะอาดในชุมชน “การใช้โซลาร์เซลล์ไม่เพียงช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
แต่ยังสามารถแปลงเป็นคาร์บอนเครดิตที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
ทำให้ชุมชนมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น”
ปัจจุบัน
องค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก. หรือ TGO) กำหนดมาตรฐานและการรับรองคาร์บอนเครดิต
โดยเปิดโอกาสให้โครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถนำคาร์บอนเครดิตนี้ไปซื้อขายในตลาด
เพื่อสร้างรายได้หรือเก็บไว้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานเอง
โครงการ “แม่เมาะเมืองน่าอยู่”
จึงใช้รูปแบบ Bundling Project ควบรวมหน่วยงาน
6 แห่ง เข้าด้วยกัน ประกอบด้วย โรงพยาบาลแม่เมาะ
โรงเรียนแม่เมาะวิทยา
ที่ว่าการอำเภอแม่เมาะ ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ อาคารบล็อกประสาน บริษัท นิคมชุมชมเกษตร จำกัด
แม้ กฟผ.แม่เมาะ
ไม่ใช่หน่วยงานที่ขอรับรองคาร์บอนเครดิตใน จ.ลำปาง เป็นแห่งแรก แต่ถือเป็นการควบรวม ระหว่างองค์กรภาครัฐ ชุมชน
และเอกชน เป็นโครงการแรกของจังหวัดลำปาง รวมถึงภาคเหนือก็ว่าได้
7 ขั้นตอนสู่การรับรองคาร์บอนเครดิต
เส้นทางสู่การได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตมี
7 ขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารโครงการ (Project Design Document) การตรวจสอบความใช้ได้ (Validation) การขึ้นทะเบียนโครงการ
การติดตามและรายงานผล ไปจนถึงการทวนสอบ (Verification) และการรับรองขั้นสุดท้ายโดย
อบก. เพียงแค่ขั้นตอนการตรวจสอบและทวนสอบ ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงถึงประมาณ 200,000 บาท และต้องอาศัยหน่วยงานภายนอกในการตรวจสอบ (Third Party) ที่ อบก. กำหนดไว้ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศ
ขณะนี้โครงการนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น T-VER อย่างเป็นทางการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 และได้ผ่านการทวนสอบจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เมื่อ 18 กรกฎาคม 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ธันวาคม 2568 ซึ่งนั่นหมายความว่า ทั้ง 6 หน่วยงานในพื้นที่แม่เมาะจะสามารถเปิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้
ชุมชนถือกรรมสิทธิ์เต็ม 100%
กฟผ.แม่เมาะ ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการรับรองคาร์บอนเครดิตทั้งหมด แต่ได้กำหนดรูปแบบการแบ่งกรรมสิทธิ์ที่แตกต่างกันไป หากเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือชุมชนที่เข้าร่วม จะได้รับคาร์บอนเครดิต 100% ส่วน บริษัท นิคมชุมชนเกษตร จำกัด ที่ร่วมโครงการ จะแบ่งครึ่งคาร์บอนเครดิตที่ได้กับ กฟผ.แม่เมาะ โมเดลนี้ทำให้ชุมชนและหน่วยงานที่ร่วมโครงการสามารถถือครองคาร์บอนเครดิตได้อย่างแท้จริง และเลือกได้ว่าจะขายคาร์บอนเครดิตเพื่อสร้างรายได้ หรือเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ระยะยาว
ตลาดคาร์บอนเครดิต สินทรัพย์แห่งอนาคต
ปัจจุบันราคาคาร์บอนเครดิตในตลาด
อบก. อยู่ที่ราว 250 บาทต่อตัน CO₂
และมีแนวโน้มสูงขึ้นจากความต้องการของบริษัททั้งหลายที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้
จึงต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงาน บริษัท ชุมชน ที่ได้รับการรับรอง T-Ver
เพื่อลดภาระภาษีส่งออก
“โรงพยาบาลแม่เมาะและหน่วยงานในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่ขายคาร์บอนเครดิตในทันที
แต่เก็บไว้เป็นสินทรัพย์ เพราะเชื่อว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน” นางฐิติพรกล่าว
เป้าหมายสู่เมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
นางฐิติพร กล่าวว่า กฟผ.แม่เมาะ
ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และใช้แม่เมาะเป็นพื้นที่ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ
ขณะเดียวกันยังขยายแนวคิดคาร์บอนเครดิตไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ เช่น แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน
2025 ที่มุ่งสู่การเป็นงานวิ่งที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral
Event)
โดยในปีนี้มีการซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงานภายนอก
และหากทาง อบก.มีการรับรองคาร์บอนเครดิตของทั้ง 6 หน่วยงานในพื้นที่แม่เมาะ ในปีหน้า
กฟผ.แม่เมาะ มีแผนที่จะซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงาน
เพื่อสร้างระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในแม่เมาะ เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างแท้จริง
เตรียมนำโครงการโซลาร์ฟาร์ม เข้า T-VER
นอกจากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน
เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
พร้อมทั้งผลักดันแม่เมาะสู่การเป็นเมืองต้นแบบด้านพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว ในอนาคต กฟผ.
ยังมีแผนนำโครงการโซลาร์ฟาร์มแม่เมาะ ขนาด 38.5 เมกะวัตต์ เข้าสู่โครงการ T-VER เพื่อขยายผลสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
โครงการ
'แม่เมาะเมืองน่าอยู่' ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการติดตั้งโซลาร์เซลล์เท่านั้น
แต่มุ่งเน้นการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมโยงพลังงานสะอาด สิ่งแวดล้อม
และเศรษฐกิจเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร
ที่สำคัญ
กฟผ.แม่เมาะ ได้มอบกรรมสิทธิ์คาร์บอนเครดิตให้กับชุมชนเต็ม 100%
ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และก้าวสู่การเป็นเมือง Carbon Neutrality ในอนาคต
สร้างต้นแบบการพัฒนาเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ
ทั่วประเทศต่อไป
หมายเหตุ
“TGO หรือ
อบก.”
คือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
(องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงาน ที่ให้บริการ ดูแล
และกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการวัด การรายงาน และการทวนสอบ
และให้การรับรองปริมาณการปล่อยการลด และการชดเชยก๊าซเรือนกระจก
รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาโครงการและการตลาดซื้อขายปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง
TGO จะเป็นผู้ให้การขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER และรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือกักเก็บได้จากโครงการ T-VER เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งสามารถนำไปใช้รายงาน ใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากองค์กร บุคคล การจัดงานอีเว้นท์ และจากการผลิตผลิตภัณฑ์ ได้
“T-Ver” มีชื่อเต็มว่า
โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand
Voluntary Emission Reduction Program) “โครงการ T-VER” คือ กลไกลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศที่ TGO พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี
2557
"คาร์บอนเครดิต"
คือ
ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลด/กักเก็บได้จากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีหน่วยเป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
และสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปแลกเปลี่ยนหรือซื้อ-ขายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น