พลิกเกมพลังงาน
โรงไฟฟ้าแม่เมาะไม่ถูกปลด แต่ได้ไปต่อถึงปี 2591 มติ กพช. ไฟเขียวเลื่อนแผน
และสั่ง 'อัพเกรดใหญ่' ติดตั้งสุดยอดเทคโนโลยีลดมลพิษระดับโลก
พร้อมสร้างความมั่นคงไฟฟ้าให้ประเทศยาวนาน 20 ปี
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 มีมติสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพื่อรองรับความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ
โดยเห็นชอบให้ กฟผ.ดำเนินการเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 และ 11 ออกไปจนถึงวันที่ 31
ธันวาคม 2574 หรือจนกว่าการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
เครื่องที่ 12 และ 13 จะแล้วเสร็จ
พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 12 และ 13 และเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าออกไปจนถึงปี 2591
โดยระหว่างการปรับปรุงในช่วงปี 2569 - 2574 จะหยุดพักให้บริการชั่วคราว ไม่จ่ายไฟเข้าระบบ
นอกจากนี้ที่ประชุม
กพช.มีมติให้ กฟผ.เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม.
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8 - 9
และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานนำแนวทางทั้งหมดบรรจุในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ
(Power Development Plan : PDP) ฉบับใหม่
นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานตามมติ กพช.ว่า
การปรับปรุงโรงไฟฟ้าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนแรกคือ
โรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8 และ 11 จะดำเนินการปรับปรุงด้านเทคนิคและอุปกรณ์ในตัวโรงไฟฟ้า
ให้สามารถเดินเครื่องต่ออย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงไปจนกว่าการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่
12 และ 13 จะแล้วเสร็จ
ส่วนที่ 2 โรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 12 และ 13 จะทำโครงการปรับปรุงใหญ่ (Refurbish)
โดยจะมีการปรับปรุงหม้อไอน้ำ(Boiler) ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมมลสารแบบใหม่
อาทิ เครื่องดักจับก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (Selective Catalytic Reduction :
SCR) เครื่องดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic
Precipitator : ESP) เครื่องกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Flue
Gas Desulfurization : FGD) ตลอดจนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในให้สอดรับกับกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมใหม่
เป็นการยกระดับโรงไฟฟ้าแม่เมาะให้ทันสมัย เพื่อให้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
นอกจากการพัฒนาด้านเทคนิคส่วนต่อมาคือ
ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน
โดยจะมีการจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EHIA)โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ กรณีปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 12-13 ในปี พ.ศ. 2569 -2570
ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน
ก่อนจะผ่านขั้นตอนการพิจารณากลั่นกรองจากหน่วยงานต่างๆและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติจึงจะสามารถดำเนินการปรับปรุงใหญ่ได้
สำหรับมติ กพช.ในภาพรวมนอกจากประเด็นโรงไฟฟ้าแม่เมาะแล้ว ยังครอบคลุมถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การขยายอายุการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าน้ำพอง การกำหนดราคาจำหน่ายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน และการยกเลิกมติเดิมเรื่องการแยกศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ พร้อมทั้งรักษาความเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศและสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในระยะยาว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น