วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

รองอธิบดี กพร. เร่ง กฟผ. เสนอแผนจัดการเปลือกดินและแผนจัดการระบายน้ำ ย้ำหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบประชาชน

รองอธิบดี กพร. เร่ง กฟผ.แม่เมาะ เสนอแผนการจัดการเปลือกดินบริเวณจุดทิ้งดินนอกบ่อเหมืองภายใน 90 วัน และแผนจัดการระบายน้ำภายใน 30 วัน รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนระบายลงสู่ลำน้ำสาธารณะ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ นายอานันท์ ฟักสังข์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ กพร. , สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 3 เชียงใหม่ (สรข.3 เชียงใหม่) , สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง (สอจ.ลำปาง) ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพื้นที่กองมูลดินทรายโครงการเหมืองแร่ถ่านหิน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เกิดการสไลด์และพังทลาย โดยมี นางทวิวรรณ ด่านวิไล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง (รวช.) และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์


นายอานันท์ ฟักสังข์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดินสไลด์ที่เกิดขึ้นผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมมีความห่วงใย และมอบหมายให้ลงพื้นที่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ไขปัญหา และหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะในเรื่องพลังงาน จึงได้สั่งการให้ กฟผ. และบริษัทผู้รับจ้างเร่งเสนอแผนจัดการเปลือกดินในบริเวณจุดทิ้งดินนอกบ่อเหมืองให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ตรงตามหลักวิศวกรรมและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีวิศวกรควบคุมรับรองให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เฝ้าระวังและเร่งจัดทำแผนจัดการระบายน้ำโดยเฉพาะบริเวณคลองผันน้ำหลักที่โดนปิดทับให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน รวมถึงให้ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำ ได้แก่ บริเวณอ่างตกตะกอนห้วยทราย สะพานหางฮุง และอ่างเก็บน้ำแม่เมาะ รายงานให้ กพร. สอจ.ลำปาง และ สรข.3 เชียงใหม่ ทราบเดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าคลองผันน้ำหลักที่โดนดินสไลด์ปิดทับจะได้รับการแก้ไขเสร็จสิ้น และหากพบว่าคุณภาพน้ำมีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานห้ามระบายน้ำออกพื้นที่ พร้อมทั้งปรับปรุงคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนระบายน้ำออกสู่ทางน้ำธรรมชาติ 

ขณะที่ นายสุชาติ ตุ่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ (ชชม.) กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุดินสไลด์เป็นพื้นที่ทิ้งดินฝั่งตะวันตก (SW Dump) ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่ทิ้งหรือเก็บมูลดินทรายนอกเขตประทานบัตร เหมืองถ่านหินมีระยะห่างจากชุมชนใกล้เคียงประมาณ 5.5-8 กิโลเมตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบสายพานลำเลียงดินของบริษัทผู้รับจ้างสัญญาที่ 8 และสัญญาที่ 9 อาคารสำนักงานบริษัทผู้รับจ้างสัญญาที่ 8 คลองระบายน้ำหลักของเหมืองแม่เมาะระยะทางยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร และเสาไฟฟ้าแรงสูง 9 ต้น ส่วนสาเหตุเกิดจากมีฝนต่อเนื่องในพื้นที่ โดยปี  2568 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม ปริมาณน้ำฝนสะสม 1,338 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมตลอดทั้งปี 1,242 มิลลิเมตร และในปี 2566 มีปริมาณน้ำฝนสะสม 792 มิลลิเมตร และยังพบว่าปีนี้มีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยฝนสะสม 20 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2548-2567) 

ทั้งนี้ กฟผ.แม่เมาะ ได้ดำเนินการทิ้งดินตามแผนผังโครงการและมาตรการ EIA เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสำหรับการทิ้งดิน รวมถึงการทำร่องระบายน้ำตามชั้นตะพัก เพื่อป้องการกัดเซาะของน้ำ โดยดึงน้ำจากบริเวณที่ทิ้งดินไปปล่อยลงบ่อดักตะกอน (Settling Pond) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของพื้นที่ทิ้งดิน ผ่าน Wetland ก่อนลงสู่คลองผันน้ำหลัก (Main Diversion) และตกตะกอนอีกครั้งที่บ่อตกตะกอนด้านใต้ (Huai Sai Settling Pond) ก่อนระบายลงสู่ลำน้ำสาธารณะ ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบติดตามคุณภาพน้ำเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จากเดิมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 

สำหรับการทิ้งดินบนพื้นที่ทิ้งดินจะดำเนินการโดยบริษัทผู้รับจ้าง กฟผ.จะเป็นผู้บริหารสัญญา ควบคุมผู้รับจ้าง กำหนดแบบแปลนบริเวณ และตรวจสอบการโปรยดินเป็นประจำทุกเดือนด้วยการรังวัด ซึ่งผู้รับจ้างต้องมีเครื่องจักรกลที่ใช้ในการบดอัดตัดยอดกองดินให้ดินอัดแน่นสำหรับบริเวณที่ทิ้งดินที่เริ่ม  อยู่ตัวแล้ว และปรับแต่ง Side Slope โดยเฉพาะ ทั้งรถแทรคเตอร์ รถบดอัดตีนแกะ และรถเกรด เพื่อให้เป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนด


 




Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์