วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เล้งตัดถนนเลี่ยงเมือง รับเส้นทางเศษฐกิจ


กรมทางหลวง ศึกษาความเหมาะสมก่อนเดินหน้าโครงการสร้างทางเลี่ยงเมืองลำปาง เล็งตัดเส้น ต.ปงแสนทอง เชื่อมต่อ ต.พิชัย เป็นเส้นทางการขนถ่ายสินค้าในอนาคต เชื่อมโยงเศรษฐกิจกลุ่มภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 56 ที่ห้องประชุมโรงแรมเวียงลคอร อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิกการประชุมปฐมนิเทศโครงการ งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองลำปาง  โดยมีนายพรพรต สุริยนต์  วิศวกรโยธาเชียวชาญกรมทางหลวง เป็นผู้กล่าวรายงาน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากจังหวัดลำปางได้กำหนดยุทธศาสตร์ในด้านการคมนาคมขนส่ง และความต้องการพัฒนาจังหวัดลำปางให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงสินค้า  เชื่อมเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง และยังสามารถเป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางการค้าขาย การรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC ) ที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558  เนื่องจากพื้นที่ของจังหวัดลำปางมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมในการที่จะเป็นจุดศูนย์กลางการแวะพักรถในการขนส่งสินค้าและเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ ( North-South Economic : NSEC ) เป็นการเชื่อมโยงสินค้าและบริการในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ( Greater Mekong Subregion : GMS ) ผ่านเส้นทาง R3B และจากการสำรวจพื้นที่แนวเส้นทาง พบว่าปัจจุบันกรมทางหลวงมีการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองด้านใต้จนแล้วเสร็จแล้ว  ซึ่งเป็นเส้นทางขนาด 2 ช่องจราจร และยังมีเขตทางพร้อมที่จะขยายต่อไปในอนาคต อีกทั้งกรมทางหลวงชนบทก็ยังอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบทางเลี่ยงเมืองด้านตะวันตก ขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทางราว 14   กิโลเมตร  โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการจากแยกทางหลวงหมายเลข 11 ประมาณ กม.ที่ 3-4 อยู่ในพื้นที่ ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง และจุดสิ้นสุดโครงการบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 ( ถนนพหลโยธิน) แนวสำรวจช่วงประมาณ กม.ที่ 711-712 ในพื้นที่ ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง โดยการปฐมนิเทศในโครงการดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและข้าราชการทั้งภาครัฐ เอกชน หอการค้าจังหวัดและกลุ่มผู้นำชุมชนจากหมู่บ้านต่างๆ ที่มีเขตเชื่อมต่อกับการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองกว่า 150 คน เข้าร่วมรับฟังอย่างคึกคัด พร้อมร่วมซักถามแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ถึงความเป็นที่จังหวัดลำปางจำเป็นต้องทางเลี่ยงเมืองไว้รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC ) และเหมาะสมกับกาลงทุนมากน้อยแค่ไหน โดยมีคณะปรึกษาของบริษัทผู้ดำเนินโครงการคอยตอบคำถาม

นายพรพรต สุริยนต์  วิศวกรโยธาเชี่ยวชาญกรมทางหลวง เปิดเผยว่า โครงการทางเลี่ยงเมืองลำปางด้านเหนือ ซึ่งจะเป็นโครงการต่อเนื่องกับโครงข่ายด้านใต้ที่ได้ออกแบบไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้ไปจะเป็นการจ้างงานศึกษาด้านความเหมาสมกับทางเศรษฐกิจ วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม เพื่อจะหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อเชื่อมโครงข่ายทางเลี่ยงเมืองให้สมบูรณ์และคุ้มกับการลงทุน   โดยจะต้องมีการคัดเลือกใช้วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมมาเปรียบเทียบหาข้อดีข้อเสีย  ซึ่งวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก เป็นการแนะนำโครงการและแนะนำตัวบริษัทที่จะมาทำการศึกษา โดยต่อจากนี้ไปประมาณ 2-3 เดือน จะนำผลที่เราคัดเลือกหรือศึกษาไว้แล้วมานำเสนอกับประชาชนชาวลำปางอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จะเป็นการเจาะลึกลงในรายละเอียดในด้านผลกระทบต่างๆที่เกี่ยวกับพื้นที่   ในส่วนของงบประมาณในการก่อสร้างนั้นอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท   เมื่อถึงเวลานั้นกรมทางหลวงก็จะนำเรื่องเสนอกับรัฐบาลเพื่อตั้งแผน หากนโยบายได้รับความเห็นชอบด้วยเราก็จะมีการออกแบบและรายละเอียดอื่นๆต่อไป

นายพรพรต  กล่าวว่า  ส่วนในขั้นตอนการศึกษานั้น จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี หากไม่มีผลกระทบที่จะต้องนำเสนอกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก็สามารถออกแบบในรายละเอียดได้เลย แต่ถ้ามีผลกระทบไม่ว่าจะเรื่องของประชาชนในพื้นที่ เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือเรื่องของประวัติศาสตร์ จะต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการในชุด สผ. เพื่อแก้ไข  หากผ่านพ้นไปได้ก็จะเริ่มออกแบบการก่อสร้าง ทั้งหมดนี้คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี  ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในการสำรวจถนนสายเลี่ยงเมืองจะเป็นเรื่องของราคาค่าชดเชยที่ดิน ซึ่งชาวบ้านมีความกังวลอยู่มาก แต่ปัจจุบันนี้กรมทางหลวงได้ยึดถือนโยบายตามกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งจะมีคณะกรรมการร่วมกันพิจารณาในระดับจังหวัด ซึ่งจะให้ราคาที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น

สำหรับการออกแบบก่อสร้างนั้นก็ต้องดูความเหมาะสมของทางการศึกษาด้านการจราจร การจะสร้างได้กี่เลนต้องอยู่กับการพิจารณาปริมาณของรถว่ามีประมาณเท่าไร ตัวถนนถึงจะรองรับได้พอดี แต่หากว่าศึกษาแล้วเห็นว่าไม่คุ้มกับการลงทุนในด้านเศรษฐศาสตร์หรืออะไรก็ตามก็อาจจะไม่ได้เข้ารับการพิจารณา แต่การศึกษามีผลเป็นบวกมีแนวโน้มเรื่องแก้ปัญหาจราจร เศรษฐกิจคุ้มค่านั้น กรมทางหลวงก็จะต้องทำแผนผลักดันให้มีการก่อสร้างต่อไป ซึ่งการศึกษาในครั้งต้องใช้งบประมาณในการสำรวจประมาณ 10 ล้านบาท


 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 953 วันที่ 28 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2556) 

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์