ผกก.เมืองลำปาง นำหมายศาลเข้าตรวจสอบสำนักงาน นสพ.ตำรวจพลเมือง หลังพบร้องเรียนหลอกหลวงประชาชน เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ฌาปณกิจ แชร์ลูกโซ่
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง นำโดย พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง และเจ้าพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ นายเมธา โรจนวิจิตร ปลัดอำเภอเมือง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.32 ค่ายสุรุศักดิ์มนตรี ร่วมกันนำหมายศาลจังหวัดลำปางเลขที่ 363/2558 ได้เข้าตรวจสอบที่อาคารพาณิชย์เลขที่ 665/11 ถนนเขลางค์นคร ต.หัวเวียง อ.เมืองลำปาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน นสพ.ตำรวจพลเมือง ประจำ จ.ลำปาง หลังได้รับการร้องเรียนว่า หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงเงินประชาชน
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พบชายคนหนึ่งแสดงตัวเป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานฯดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นายบัณฑิต สิงห์ใจมา บ้านเลขที่ 1/2 หมู่ 2 ต.แม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง เป็นอดีตนายกเทศมนตรี ต.แม่พริก จ.ลำปาง และยังเป็น รองบรรณาธิการ นสพ.ตำรวจพลเมืองด้วย เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้น เพื่อขอตรวจสอบเอกสารต่างๆ ว่าเข้าข่ายฉ้อฉลหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งพบว่ามีการเปิดรับสมัครสมาชิกในเขตพื้นที่ จ.ลำปางจำนวนมาก โดยมีใบสมัคร ใบเสร็จรับเงิน และหลักฐานการโอนเงินค่าสมัคร
โดยนายบัณฑิต กล่าวว่า หลังจากเกิดการร้องเรียนกันขึ้นทางศูนย์ประสานงานฯ ที่ จ.ลำปาง ก็ได้หยุดการรับสมัครสมาชิกไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งศูนย์ฯลำปางนี้ก็เปิดได้ยังไม่นาน ประมาณ1 เดือนเท่านั้น และขึ้นตรงกับส่วนกลาง โดยเน้นเรื่องการให้สวัสดิการกับสมาชิก ส่วนรายละเอียดย่อยนั้นขอติดต่อฝ่ายกฎหมายมาชี้แจงให้ทราบ
ทั้งนี้ ผกก.สภ.เมืองลำปาง ได้สอบถามถึงการจดทะเบียนในรูปแบบสมาคมฌาปนกิจ เนื่องจากการดำเนินการของหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง มีลักษณะการรวมกลุ่มจัดตั้งในรูปแบบฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องจดทะเบียน กับนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่ให้ถูกต้อง โดยนายบัณฑิตฯ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ทางกองบรรณาธิการ นสพ.ตำรวจพลเมือง ได้ยื่นแจ้งจดทะเบียนฌาปนกิจสงเคราะห์ กับนายทะเบียนที่เขตมีนบุรี กทม.แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง เผยว่า ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่หลงเชื่อจ่ายเงินให้กับโครงการดังกล่าว มาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ พนักงานสอบสวนอำนวยความสะดวกรับแจ้งความร้องทุกข์กับผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าไม่มีการจดทะเบียนฌาปนกิจสงเคราะห์ในพื้นที่ ซึ่งเข้าข่ายการผิด พ.ร.บ.ฌาปณกิจสงเคราะห์ และยังต้องตรวจสอบเรื่องแชร์ลูกโซ่ด้วย เนื่องจากการสมัครสมาชิกคนชักชวนจะได้ค่าคอมมิชชั่นด้วย
สำหรับจัดตั้งศูนย์ประสานงานสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์พลังเครือข่ายประชาชน ของสำนักพิมพ์ตำรวจพลเมือง โดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดตั้ง 20,000 บาท โดยหนึ่งตำบลจะจัดตั้งได้เพียงหนึ่งศูนย์เท่านั้น โดยพฤติกรรมการตั้งกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ของ นสพ.ตำรวจพลเมือง พบว่ามีโครงการจะเปิดศูนย์ประสานงานในตำบลต่างๆ ทุกตำบลในทุกอำเภอ โดยผู้สมัครจะต้องเสียค่าสมาชิกคนละ 1,500 บาท แบ่งเป็น ค่าธรรมเนียมแรกเข้าเป็นสมาชิกบริษัทดูแลใจ และสมาคมฯ ตลอดชีพ 950 บาท ค่าบำรุงสมาคมฯ รายปี ปีละ 50 บาท เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า 50 ศพ รวม 500 บาท (จะเรียกเก็บเมื่อยอดเงินคงเหลือต่ำกว่า 250 บาท) แล้วให้รอจนกว่าจะครบ 6 เดือน สมาชิกจึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินกรณีเสียชีวิต 800,000 บาท และทางศูนย์ก็จะได้รับรายรับศพละ 50,000 บาท
