วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เส้นทางสาวน้อยนักธุรกิจ ปลูกฝันต้นอ่อนทานตะวัน จากตลาดสดสู่ซุปเปอร์สโตร์

           
ในยุคเศรษฐกิจรัดเข็มขัด เส้นทางสายอาชีพมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบทุกเส้นทางเสมอไป จากบัณฑิตสายบัญชี มีความฝันอยากเป็นพนักงานธนาคาร ต้องเปลี่ยนทิศทางเพราะเมื่อคำนวณเส้นทางและความสัมพันธ์ระหว่างรายได้กับเวลาคงยากที่จะก้าวไปสู่ความประสบผลสำเร็จในชีวิตจริงได้ง่ายนัก “กัญทลักษณ์ ง้าวทาสม” หรือโจ้ สาวน้อยวัย 24 ปี ผู้เปี่ยมฝันเฉกเช่นคนทั่วไปที่ก้าวสู่เส้นทางอาชีพ เบนเข็มความคิดและสายงานข้ามมาเป็นเกษตรกรในทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษา
           
โดยก่อนเรียนจบได้ค้นหาความรู้นอกห้องเรียนจากอินเทอร์เนต และสนใจทดลองปลูกมะนาวนอกฤดูกาล  ทำฟาร์มเห็ดโคนญี่ปุ่น กระทั่งก้าวมาถึงงานเพาะต้นอ่อนทานตะวันขายส่งห้างแม็คโคร และ ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต 8 สาขา ในเขตเหนือตอนบน สร้างรายได้หลักแสนใน ระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน ซึ่งนอกจากจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้แล้ว ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวอีกด้วย
           
โจ้ เล่าว่า เมื่อเริ่มมองหาอาชีพอะไรสักอย่างที่สามารถสร้างรายได้ไปคู่กับอิสระเรื่องเวลา ค้นหาข้อมูลแนวทางหลายด้านจากอินเทอร์เนต ก็เจอข้อมูลการปลูกมะนาวนอกฤดูกาลซึ่งให้ผลตอบแทนดีมาก มะนาว 100 ต้น ลงทุนไป 8 หมื่นบาท คืนทุนได้ในปีแรก จึงชัดเจนว่าถ้าเราทำอาชีพส่วนตัวนั้นทำรายได้เป็นกอบกำในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นจึงเริ่มทำฟาร์มเห็ดโคนญี่ปุ่น แต่มีข้อจำกัดมาก ลงทุนสูง แต่กำไรน้อย กระทั่งต้นปี 58 พบข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะต้นอ่อนทานตะวันว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็วเหมือนถั่วงอก มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู กำลังเป็นที่สนใจในกลุ่มคนรักสุขภาพและตลาดทั่วไป จึงทดลองเพาะด้วยวัสดุง่ายใกล้ตัว ลงทุนไม่ถึง 100 บาท เมื่อทดลองเพาะได้ผลสำเร็จจึงศึกษาอย่างจริงจัง จึงเพาะขายผ่านช่องทางขายส่งตามตลาดและร้านอาหารในเมืองลำปาง
           
หลังจากเริ่มเพาะต้นอ่อนทานตะวันอย่างจริงจังก็พบว่า ตลาดยังมีแนวโน้มไปได้ดี ตลาดมีความต้องการสูง จึงมองหาตลาดที่มั่นคง ด้วยการนำผลผลิตไปเสนอขายให้กับแม็คโครผ่านสาขาลำปาง กระทั่งได้รับโอกาสจากแม็คโครส่วนกลางให้นำตัวอย่างสินค้าเข้าไปนำเสนอ และตรวจสอบคุณภาพ รวมถึงแผนการผลิตที่สามารถมีกำลังผลิตส่งได้ตามออเดอร์  นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเพาะต้นอ่อนทานตะวันเป็นเชิงธุรกิจเต็มตัวภายใต้แบรนด์ “กลมเกลียว” จากจุดเริ่มต้นขายส่งแม็คโครสาขาลำปาง ก็เริ่มขยับไปส่งให้แม็คโครเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย และแม็คโครแม่สาย ขณะนี้รวม 8 สาขา นอกจากนี้ยังเป็นฐานผลิตให้กับแบรนด์สวนเพชรล้านนา และขายส่งเข้าท็อปซุปเปอร์มาร์เกตอีกด้วย
           
“หลักการขยายธุรกิจของเรา เริ่มจากทำเองจนนิ่งในเรื่องของทางเทคนิคการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว บรรจุภัณฑ์ การขนส่ง ไปจนถึงการบริหารจัดการ เพื่อส่งผลผลิตถึงสินค้าในสภาพสดใหม่ จุดเด่นของเราคือ ผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ด้วยการนำโมเดล จากฟาร์มขยายไปให้กับผู้ที่สนใจร่วมงานกับเรา ในรูปของฟาร์มเครือข่ายรายย่อยในพื้นที่ใกล้เคียงแม็คโครแต่ละสาขา ภายใต้การควบคุมคุณภาพมาตรฐานและแบรนด์ของเรา ซึ่งตามข้อตกลงสัญญาเราจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายหากสินค้าที่ส่งไปมีปัญหาเรื่องคุณภาพ ดังนั้น ฟาร์มลูกที่เป็นเครือข่ายผู้ผลิตให้เราทุกสาขาจะต้องมีมาตรฐานเดียวกับเรา นอกจากนี้เรายังส่งเสริมการขายด้วยการจัดบูธชิมเมนูต้นอ่อนทานตะวัน ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิต ประมาณสัปดาห์ละ 100-200 กิโลกรัม ต่อ สาขา มีรายได้หมุนเวียนรวมกันประมาณเดือนละ แสนบาท ซึ่งมาไกลมากจากจุดเริ่มต้น เพียงสัปดาห์ละ กิโลกรัม”
           
ในแง่ของการแข่งขันทางการตลาดนั้นเป็น “โจ้” มองว่า ธุรกิจต้นอ่อนทานตะวัน เริ่มมีการแข่งขันสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการทางตลาดต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีในระยะเวลาอันสั้น แต่ยังพอมีอนาคตเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว เช่นเดียวกับถั่วงอกที่ยังมีคนนิยมบริโภคมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วแต่ว่าผู้เพาะปลูกแต่ละรายใครจะจับช่องทางตลาดหรือ ลูกค้ากลุ่มไหน
           
แม้ขณะนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในแม็คโคร สาขา และขายส่งให้กับสวนเพชรล้านนา แต่เป้าหมายของต้นอ่อนทานตะวันกลมเกลียว ยังปักธงไว้ สำหรับแผนขยายกำลังการผลิต ในรูปของการสร้างฟาร์มลูกออกไปยังพื้นที่มีแม็คโคร ตั้งอยู่ทั่วภาคเหนือ และมีเป้าหมายขยับไปยังภาคอีสานในอนาคต

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1036 วันที่ 10-16  กรกฏาคม 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์