วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ขอพื้นที่ฟุตบาธคืน

จำนวนผู้เข้าชม install tracking codes


พื้นบนฟุตบาตถูกผนวกรวมเป็นหน้าร้าน พื้นที่บนถนนสาธารณะถูกจับจองเป็นพื้นที่ส่วนตัว บางบ้านเขียนถ้อยคำดุดัน ห้ามจอดรถกีดขวาง แม้รถนั้นจะอยู่บนถนนหลวง  พื้นที่น้ำถูกรุกล้ำเป็นชาน เป็นห้องหับ ทั้งอยู่อาศัย ทั้งทำการค้า การแสดงความเป็นเจ้าของบนพื้นที่สาธารณะเหล่านี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเป็นความผิด แต่ก็เป็นความผิดที่เห็นจำเจ จนยอมรับกันโดยปริยายว่า ทำได้ไม่ผิด นี่คือนิสัยคนไทย ทำได้คือไทยแท้ ลำปางแท้ๆ ก็ทำกันเต็มบ้าน เต็มเมือง

เทศบาล ผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐคนสำคัญที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย คือตำรวจ ต่างคนต่างทำมาหากิน กินตามน้ำ กินตามด่าน กันไป โดยไม่สนใจหน้าที่ ชาวบ้านตาดำๆ เดินถนนก็ไม่มีกำลังจะไปว่ากล่าวหรือเรียกร้องให้ตำรวจไม่เลือกปฎิบัติ เพราะในหลายครั้งคนทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำ กลับเป็นกลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่รัฐเอาจริง เอาจัง เข้มงวดในการรักษากฎหมาย ในขณะที่ชาวบ้านระดับอภิสิทธิ์ชน ผู้หลักผู้ใหญ่ ที่คนเคารพยำเกรง ใช้กฎหมายคนละฉบับ ทำผิดท้าทายกฎหมายอย่างไร ก็สุขสบาย ปลอดภัย เพราะทำหน้าที่ส่งส่วยสาอากรเสมอต้น เสมอปลาย

ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกละเมิดสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวว่าถูกละเมิดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

ธรรมชาติของน้ำจะไหลที่สูงลงสู่ที่ต่ำ นอกเสียจากเราจะบังคับการไหลของน้ำให้ขึ้นสู่ที่สูงด้วยเทคโนโลยี  ทางน้ำผ่านไม่ว่าจะเป็นคู คลอง ร่องน้ำ ลำเหมือง ที่ เคยเป็นทางเดินของน้ำในจังหวัดลำปางถูกรุกล้ำบุกยึดครอง

คู คลอง ร่องระบายน้ำในพื้นที่กลางเมืองลำปางที่อดีตเคยมีหลายสาย  ปัจจุบันถูกบุกรุกและแทนที่ด้วยท่อระบายน้ำ ถมทับด้วยดิน คอนกรีต ใช้ระบบการจัดการน้ำแต่ไม่มีการดูแลบำรุงรักษา ท่อเหล่านั้นก็อุดตันด้วยขยะ สิ่งปฏิกูลในที่สุด  จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดหากเราเจอปัญหาน้ำท่วมจากการระบายน้ำไม่ทัน

ภาพการรุกล้ำทำลายกำแพงเมืองโบราณอายุพันปีที่ประตูม้า มีคนจับจองเอาพื้นที่มาใช้ส่วนตัว แต่ที่น่าแปลกใจคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว มีเพียงคำตอบว่า ก็ทำอะไรไม่ได้

อยากถามดังๆว่าทำไม่ได้ หรือไม่ กล้าทำกันแน่
           
ย่านรอบโรงเรียน หน้าโรงพยาบาล แถวตลาดออมสิน พ่อค้าแม่ขายยึดฟุตบาตขายของ เบียดเบียนทางเดินจนคนเดินเท้าต้องใช้ถนน ฟุตบาธ กลายเป็นที่จอดรถ ริมถนนที่จอดรถได้ก็นำหลักมาขวาง ติดป้ายว่าห้ามจอด  ยึดครองหน้าตึกที่เป็นที่สาธารณะเป็นของตัวเองแถมยังทำป้ายปักหน้าร้านว่าที่จอดรถของ....เท่านั้น แหม๊....สุดยอดจริงๆเลย
           
สังคมเริ่มไร้ระเบียบ และที่เลวร้ายความนั้นคือผู้ที่ดูแลระเบียบไม่ใส่ใจ
           
เราพยายามบริหารจัดการระเบียบน้ำ จัดระเบียบอาคารบ้านเรือน แต่เราไม่พยายามจัดระเบียบคน ระเบียบสังคมที่กำลังละเมิดสิทธิ์ไม่ที่เราไม่รู้ตัว
           
จะว่าไป พฤติกรรมตัวอย่างที่กล่าวถึงนี้มีความผิดอาญา ทั้งจำและปรับ
           
เช่น ผู้ที่ทำให้รางระบายน้ำ ร่องน้ำ หรือท่อระบายของโสโครก อันเป็นสิ่งสาธารณะเกิดขัดข้อง ทำให้เกิดปฏิกูลแก่น้ำในบ่อ สระหรือที่ขังน้ำอันมีไว้สำปรับประชาชนใช้สอย กีดขวางทางสาธารณะ ขุดหลุมหรือราง หรือปลูกปัก หรือวางสิ่งเกะกะไว้ในทางสาธารณะ แขวน ติดตั้งหรือวางของไว้ในลักษณะที่น่าจะตก หรือพัง  มีโทษทางอาญาทั้งจำคุก และปรับ
           
แต่กลับกลายเป็นว่าตั้งงบประมาณมีแต่โครงการคลีนแม่น้ำ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนั้น แต่ไม่ไปดูต้นเหตุบ้านเรือนที่ปล่อยน้ำทิ้งลงแม่น้ำ ทั้งมีมีกฎแต่ไม่ใช้กฎใช้แต่งบประมาณให้หมดไป แต่ปัญหาไม่หมดตาม
           
ริมถนนหน้าห้างลำปาง ที่ติดป้ายจราจรชัดเจนว่าห้ามจอด ทั้งฟุตบาธ ทาสี ขาว-แดง แต่ก็ยังมีรถใหญ่รถเล็กมาจอดเรียงรายกันไปหมด แถมอีกฝั่งถนนมีทั้งป้ายทั้งตัวหนังสือแถมวางกรวยชัดเจนว่าห้ามจอด แต่พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ กรวยเทวดามีขาเดินได้ กระเถิบตัวไปอยู่ขอบทาง เสกให้ถนนกลายเป็นที่จอดรถ อนึ่งว่า ตำรวจจะจับออกใบสั่งรถทุกคันได้ก็ทำไป ครั้นพอตำรวจไปจับไปออกไปสั่งก็เกิดดราม่าว่าริมถนนก็ต้องจอดรถได้ซิ 

เมื่อกฎหมายไม่สามารถสร้างระเบียบได้ กฎหมู่ก็ละเลยกีดขวางการจราจรกันต่อไปเพราะคันอื่นจอดได้คันต่อไปก็จอดตาม
           
เหมือนอย่างตลาดออมสินขายส่งผักช่วงราว 3 ทุ่ม ดูเหมือนจะจอดรถกันอย่างไร้ระเบียบมาขึ้น จากที่เคยซ้อน2ชั้น กลายเป็น 3 ชั้น กีดขวางพื้นผิดจราจรที่เสียพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าไปแล้ว
           
น่าเศร้า ที่น่าจะมีคนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความผิดน้อยกว่าน้อย
           
สังคมลำปางเริ่มจะทำตามใจกันสนุกสนาน โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วยช่วยกันปิดตาไม่รู้ มองดูไม่เห็นผิด

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1115 วันที่  3 - 9 กุมภาพันธ์ 2560 )
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์