วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สามล้อลุงหล่า พิมพ์ดีดลุงมล อาชีพที่กลายเป็นตำนาน

จำนวนผู้เข้าชม install tracking codes


“ภาพในอดีตที่หน้าตลาดต่างๆในลำปางเคยคึกคักและเต็มไปด้วยสามล้อถีบที่ให้บริการรับส่งผู้คนไปยังจุดหมายปลายทางด้วยสองแรงถีบไม่มีอีกแล้ว รวมไปถึงโรงเรียนสอนพิมพ์ดีดที่เราเคยได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆของพิมพ์ดีดมาทุกวันนี้สาบสูญ เหลือเพียงความทรงจำในผู้ใหญ่วัย 35 ปีขึ้นไปเท่านั้น”

สมศักดิ์ อินบุญส่ง
อาชีพ : ถีบสามล้อ
           
บ้านหลังน้อยในซอยแคบ ๆ ดูร่มรื่น สะอาดสะอ้าน มีรถสามล้อคู่ใจจอดอยู่อย่างสงบเสงี่ยม บอกให้รู้ว่า นี่คงเป็นบ้านของ สมศักดิ์ อินบุญส่ง หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่า ลุงหล่า
           
ลุงหล่าคือคนถีบสามล้อที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในย่านหัวเวียง และน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในเมืองลำปาง ทุกวันนี้ ลุงหล่ามีอาการกระดูกทับเส้น ซึ่งบั่นทอนให้การถีบสามล้อเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงไม่ได้ออกรับจ้างทั่วไปเหมือนเมื่อก่อน จะรับก็เพียงลูกค้าประจำที่โทรศัพท์มาว่าจ้างให้ไปส่งใกล้ๆเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุที่พอใจจะไปถึงจุดหมายอย่างไม่เร่งรีบ
           
เมื่อก่อนยังรับ-ส่งเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลลำปาง พอโตขึ้นเขาก็ไม่นั่งสามล้อแล้ว เขาอายเพื่อนๆ เวลาไปส่งก็ให้ลุงไปจอดไกลๆ เขาบอกว่าจะเดินเข้าโรงเรียนเอง ถึงเวลาไปรับก็ให้เราจอดอยู่ตรงโน้น... ลุงหล่าเล่าอย่างอารมณ์ดี
           
ลุงหล่าในวัย 75 ปี ถีบสามล้อมาไม่ต่ำกว่า 30 ปีแล้ว ยุคนั้นเมืองลำปางมีเพียงพาหนะรับจ้างอย่างรถสามล้อถีบและรถม้า ลุงหล่าจะเช่ารถกับเถ้าแก่วันละ 5 บาท ส่วนอัตราค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 5 บาท โดยส่วนใหญ่รถสามล้อถีบจะไปจอดกันอยู่ที่ห้าแยกประตูชัย ซึ่งเป็นชุมทางรถโดยสารจากทุกสารทิศ นอกจากนี้ คนถีบสามล้อยุคนั้น ยังต้องใส่เครื่องแบบ อันประกอบด้วยชุดเสื้อ-กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล รองเท้าหุ้มส้น และหมวก โดยทุกคันจะมีป้ายทะเบียน เมื่อทำผิดกฎจราจร ตำรวจจะยึดเบาะรถไว้ ไปเสียค่าปรับเมื่อไรจึงจะคืนเบาะให้
           
สมัยนั้นรายได้วันละ 30 บาทนี่หรูแล้ว ชายสูงวัยย้อนความหลัง รายได้งาม ๆ ทำให้ลุงหล่าตัดสินใจผ่อนรถสามล้อถีบเองวันละ 20 บาท ผ่อน 11 เดือนก็หมด ได้รถเป็นของตนเอง ซึ่งก็กลายมาเป็นรถคู่ใจที่จอดอยู่หน้าบ้านในวันนี้
           
รถสามล้อของลุงหล่ามีป้ายเล็กๆ พร้อมข้อความ วันไชย โรงเลี้ยงเด็ก ถนนบำรุงเมือง พระนคร แม้จะไม่ได้ออกไปโลดแล่นบนถนนเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังทำเงินให้ลุงหล่าอยู่บ้างจากการไปจอดโชว์ตามงานต่างๆ แม้กระทั่งงานกีฬาสีของเด็กๆ
           
มีคนมาขอซื้อหลายคนครับ ผมไม่ขาย สงสารมัน แม้เราจะไม่รวย แต่ก็พออยู่พอกิน ทุกวันนี้ก็ได้อาศัยมันนี่แหละ มือที่ลูบไปมา บวกกับสภาพที่ยังดูสมบูรณ์ บ่งบอกให้รู้ว่าชายชรารักรถคันนี้มากแค่ไหน
           
ใครๆก็คิดว่ามันถีบง่าย ไม่ง่ายนะครับ มันจะเอียงซ้าย เอียงขวา ไม่ตรง แล้วเบรกนี่อยู่ตรงเท้าซ้าย เบรกมือไม่มี เลี้ยวเร็วไปก็คว่ำเลย ลุงหล่าหัวเราะชอบใจที่ใครๆก็มักจะมาขอลองถีบ แล้วก็พบว่า มันไม่ได้ถีบง่ายดังใจคิด
           
ทุกวันนี้ ลุงหล่าเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเหลือเรี่ยวแรงถีบสามล้อไปอีกนานแค่ไหน คงน่าเสียดายไม่น้อย หากพาหนะชนิดหนึ่งจะหายไปจากท้องถนน พาหนะที่จะว่าไปแล้ว ไม่มีพิษไม่มีภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด

กมลชัย   รัตนมณีอุดมเดช
อาชีพ : ครูสอนพิมพ์ดีด
           
เครื่องพิมพ์ดีด Olympia และ Olivetti กว่า 40 เครื่อง ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องแถวคูหาเดียวย่านวัดน้ำล้อม หากเป็นเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน ที่นี่คงดังก้องไปด้วยเสียงพิมพ์ดีดของเหล่านักเรียนที่มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การสอบเข้ารับราชการ ทหาร ตำรวจ ไปจนถึงพนักงานบริษัท แต่ในวันนี้ภายในห้องกลับดูเวิ้งว้าง ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงเครื่องพิมพ์ดีดเก่าคร่ำที่ยังคงตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เหมือนเช่นเดิม กับชายชราวัยใกล้ 70 ปี ตรงโต๊ะประจำตำแหน่งครูผู้สอน
           
ปี พ.ศ. 2519 กมลชัย  รัตนมณีอุดมเดช ตัดสินใจเปิดโรงเรียนกมลชัยพิมพ์ดีด  ย่านวัดน้ำล้อม ควบคู่ไปกับการรับราชการครู ด้วยเล็งเห็นถึงลู่ทางสดใสของธุรกิจโรงเรียนสอนพิมพ์ดีด ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนั้น ถึงกับเปิดสาขาที่อำเภองาว อำเภอแจ้ห่ม และอำเภอแม่ทะอีกด้วย
           
เมื่อก่อนในการสอบเข้าทำงานจะมีการกำหนดเลยว่า ต้องพิมพ์ดีดทั้งไทย-อังกฤษให้ได้นาทีละ 45 คำ จึงจะผ่าน ลุงกมลชัยเล่า การจะเปิดโรงเรียนสอนพิมพ์ดีดจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ที่นี่เรารับนักเรียนรอบละ 40 คน เรียนวันละ 1 ชั่วโมง เลือกช่วงเวลาได้ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงสองทุ่ม ค่าเรียนเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือนจึงจะจบหลักสูตร ลุงกมลชัยอธิบายอย่างละเอียด
           
คนเยอะมากๆ เลยครับ อดีตครูสอนพิมพ์ดีดเน้นเสียง ทั่วเมืองลำปางนี่มีไม่รู้กี่แห่ง ก่อนผมเปิดก็มีอยู่แล้วหลายโรงเรียน  ผมทุ่มเททั้งกาย วาจา ใจ ให้นักเรียนเต็มที่ ผมเลยเป็นครูที่ค่อนข้างเข้มงวด ลุงกมลชัยหัวเราะเบาๆพลางชี้มือไปยังตรอกวัดน้ำล้อมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม บางคนแฟนมายืนรออยู่ในตรอกโน่น ผมบอกเขาเลยว่า ตั้งใจเรียนนะ อย่าไปตั้งใจรักอย่างเดียว
           
ครั้นเมื่อโลกเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์ มันคือวิกฤตของโรงเรียนสอนพิมพ์ดีดอย่างแท้จริง สิบกว่าปีมานี้ โรงเรียนสอนพิมพ์ดีดทั่วเมืองลำปางทยอยปิดกิจการลง ที่ยังเปิดสอนอยู่ก็เห็นจะมีแต่โรงเรียนกมลชัยพิมพ์ดีดเท่านั้น แม้ทุกวันนี้จะมีนักเรียนไม่ถึง 10 คน แต่ลุงกมลชัยก็ยังยืนยันที่จะเปิดสอนต่อไปเรื่อยๆตราบใดที่ยังมีนักเรียนมาเรียนกันอยู่
           
ส่วนใหญ่เขามาเรียนเพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนคอมพิวเตอร์ต่อไป ไม่ได้เรียนจนจบหลักสูตรเหมือนสมัยก่อน ลุงกมลชัยโคลงศีรษะ คอมฯ มันพิมพ์ได้ แต่มันสัมผัสไม่ได้นะครับ ไม่เหมือนพิมพ์ดีด พอพิมพ์เป็นแล้ว คุณไม่ต้องดูแป้นพิมพ์เลย คอมฯ ยังทำให้สายตาเสียด้วย
           
ใกล้เที่ยง ถนนหน้าโรงเรียนคลาคล่ำไปด้วยรถรา ชายชราเร่งทำเทียนสืบชะตาให้ทันเวลาที่ลูกค้าจะมารับ นี่คืออาชีพเสริมของลุงกมลชัยในวันที่ห้องเรียนปราศจากเสียงพิมพ์ดีดระรัว แบบฝึกหัดกองพะเนินอยู่บนตู้เอกสาร
           
ผมภูมิใจที่มีส่วนทำให้หลายๆคนได้ทำงานอย่างที่เขาฝันไว้ หลายคนตอนนี้มีหน้าที่การงานใหญ่โต มันเป็นความสุขเล็กๆของคนที่เป็นครูทุกคนน่ะครับ ลุงกมลชัยกล่าวทิ้งท้าย

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1115 วันที่  3 - 9 กุมภาพันธ์ 2560 )
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์