วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ลุยรื้อบ้านพักคนงานร้านลาบศรีชุมรุกถนน

จำนวนผู้เข้าชม

เทศบาลเมืองเขลางค์นครเข้ารื้อถอน ที่พักคนงานร้านอาหารชื่อดังรุกที่สาธารณะ  หลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น รื้อถอนทรัพย์สินที่บุกรุกออก พร้อมจ่ายค่าปรับวันละ 500 บาท นับแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาจนถึงปัจจุบัน ร่วม 7 แสนบาท

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.61เวลา 10.00 น. นายจตุวัฒน์ ตุ้ยเต็มวงศ์ ปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลำปาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองช่าง และพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บังคับคดีจังหวัดลำปาง เข้าไปยังร้านอาหารลาภ-ลาบศรีชุม เลขที่ 200/51 ถ.เฉลิมพระเกียรติ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง  หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้ง 2 คน คือนายลาภสมบัติ ไชยานนท์  และนางกอบกุล วงศ์นาสัก รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง เป็นบ้านพักคนงาน ห้องล้างจาน โรงเรือนเก็บของ ทับทางสาธารณะประโยชน์ มีเนื้อที่ ประมาณ 88.9 ตารางวา

โดยทางเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ได้รับหนังสือจากกรมบังคับคดี ให้เข้ามาเริ่มทำการรื้อถอนในวันดังกล่าว  เจ้าหน้าที่ทางฝ่ายกองช่าง จึงนำรถแม็คโคร พร้อมกับเครื่องจักรกลและคนงานกว่า 30 คนเตรียมเข้ามา เพื่อทำการจะรื้อถอนบ้านพักและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำถนนสาธารณะ  แต่ทางนายลาภสมบัติ ไชยานนท์ เจ้าของร้านได้เจรจาขอทำการรื้อถอนเอง และขอเวลาดำเนินการภายใน 2 วัน  ทางด้านปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร จึงผ่อนปรนให้ และจะเข้าตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 21 ก.พ.61 หากยังไม่รื้อถอนตามตกลงกันไว้ เทศบาลก็จะนำเครื่องจักรเข้าทำการรื้อถอนทันที

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรามาตรา9(1)(2)  และมาตรา 108 ทวิ วรรคสอง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 40(3) 42  66  ทวิ  ให้ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ฐานฝ่าฝืนไม่รื้อถอนอาคารตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น รวมจำคุกคนละ 1 ปี  2 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท  จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้เหลือจำคุกคนละ 7 เดือน ปรับคนละ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาคนละ 2 ปี  หากไม่ชำระค่าปรับให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินสาธารณะประโยชน์ และปรับจำเลยทั้งสองเป็นรายวันอีกวันละ 500 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง  ซึ่งจำเลยทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 5 กระทั่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น  โดยค่าปรับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจนถึงปัจจุบันรวมเกือบ 7 แสนบาท

ด้านนายลาภสมบัติ ไชยานนท์  เจ้าของร้านลาภ-ลาบศรีชุม กล่าวว่า  ตนไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะเนื่องจากตอนเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อทำร้านอาหาร ทางโครงการได้มีการเทพื้นในบริเวณดังกล่าว และไม่มีรถผ่านเข้าออกเพราะเป็นที่ตาบอด  จึงได้สร้างห้องพักคนงานดังกล่าว  โดยขณะนี้ตนเองได้ฎีกาไปแล้วเรื่องเกี่ยวกับค่าปรับวันละ 500 บาท

ต่อมา วันที่ 21 ก.พ.61  นายจตุวัฒน์ ตุ้ยเต็มวงศ์ ปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร พร้อมด้วยนิติกร และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับคดี เข้าตรวจสอบร้านลาภ-ลาบศรีชุมอีกครั้ง แต่พบว่าไม่สามารถดำเนินการรื้อถอนได้เสร็จ ทางเทศบาลเมืองเขลางค์จึงได้นำเครื่องจักร รถแม็คโครและรถบรรทุกเข้าดำเนินการรื้อถอนทันที  ซึ่งจะต้องทำการขุดพื้นถนนที่เป็นคอนกรีตออกทั้งหมดให้คงสภาพเป็นถนนลูกรังเดิม พร้อมกับนำต้นไม้ที่ปลูกขึ้นเองออกไปด้วย รวมไปถึงประตูรั้วที่ทางเข้าของร้านได้ทำปิดกั้นถนนไว้

สืบเนื่องจากที่ผ่านมาทางกองช่างของเทศบาลได้ พบว่า ร้านอาหารดังกล่าวได้มีสิ่งก่อสร้างปิดทางสาธารณะประโยชน์ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โดยได้ยื่นเรื่องขอตรวจสอบแนวเขตทางสาธารณะประโยชน์ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดลำปาง ต่อมาตามหนังสือจากสำนักงานที่ดินลำปาง ที่ ลป 0020/2/22016 ลงวันที่ 8 ต.ค.57 เรื่องการตรวจสอบแนวเขตทางสาธารณะประโยชน์พบว่า ได้มีการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างคือบ้านพักคนงาน ห้องล้างจาน โรงเรือนเก็บของ ทับทางสาธารณะประโยชน์

ทางเทศบาลฯ จึงได้มีหนังสือที่ ลป 52307/270 และหนังสือที่ ลป 52307/271 ลงวันที่ 28 ม.ค.58 เรื่องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณะประโยชน์  โดยแจ้งให้เจ้าของร้านคือนายลาภสมบัติ ไชยานนท์ และนางกอบกุล วงศ์นาสัก  ให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณะประโยชน์ ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 30 วัน ซึ่งทั้งสองได้รับหนังสือแล้วเมื่อวันที่ 29 ม.ค.58  และปรากฏว่าหลังจากที่ครบตามกำหนดคือวันที่ 3 มี.ค.58 ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวพบว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการื้อถอนแต่ประการใด จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.สมควร เกิดเทศ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายลาภสมบัติ ไชยานนท์ และนางกอบกุล วงศ์นาสัก รวม 2 ราย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9(1)(2)  และมาตรา 108 ทวิ และมาตรา 67 ฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น และฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น  และได้มีการส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดี และมีคำสั่งให้รื้อถอนดังกล่าว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1168 วันที่ 23 กุมภาภันธ์ - 1 มีนาคม 2561)     
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์