ยึดที่ป่าสงวน-ตัดไม้ ตั้งกลุ่มออกโฉนดเอง

จำนวนผู้เข้าชม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 เม.ย.61 ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่โป่ง ท้องที่บ้านแม่กวัก หมู่ที่ 1 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง กำลังเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย ฝ่ายปกครองอำเภองาว เจ้าหน้าที่ทหารร้อยฝึกรบพิเศษที่ 3 ค่ายประตูผา ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ตำรวจ ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรงาว เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.19 (แม่โป่ง) โดยการอำนวยการสั่งการของ นายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภองาว  ได้ให้เจ้าหน้าที่เชิญตัว นางศรีทร มะเทวิน ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่  บ้านเลขที่ 71/1 บ้านแม่กวัก หมู่ที่ 1 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง เข้ามาพบและชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ กรณีเข้าไปแผ้วถางตัดไม้หวงห้ามในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่โป่ง

โดยในเบื้องต้นทางผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นอ้างว่า ตนเองได้มีการออกโฉนดป่าชุมชนอย่างถูกต้องและมีการวัดพิกัดแบ่งเป็นแปลงเรียบร้อยแล้ว โดยการตั้งกลุ่มขึ้นมาและออกโฉนดป่าชุมชนกันเองมี คณะกรรมการครบชุด แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่สอบถาม ว่าเอกสารทั้งหมดเป็นเอกสารที่ทางราชการออกมาให้หรือไม่ สุดท้ายไม่มีแต่ยังอ้างว่ากลุ่มตนเองออกโฉนดถูกต้อง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่ป่าในบริเวณดังกล่าว พบว่าถูกบุกรุกแผ้วถางป่าใหม่เป็นเนื้อที่บริเวณกว้าง พบต้นไม้ถูกตัดโค่นล้มคาตอเป็นจำนวนมาก คณะเจ้าหน้าที่ลงจากรถยนต์ไปตรวจสอบในแปลงพื้นที่ป่าถูกแผ้วถางป่าใหม่ พบร่องรอยการตัดโค่น ตัดฟัน แผ้วถางป่าด้วยเลื่อย   โซ่ยนต์และมีดพร้าหรือขวาน ตรวจดูต้นไม้ต้นที่มีลำต้นขนาดใหญ่พบร่องรอยการตัดโค่นต้นไม้ด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ ลักษณะตัดล้มคาตอ บางต้นพบมีการตัดทอนลำต้น ลิดกิ่งลานก้านและใบออกจากลำต้น บางต้นยังไม่ได้ตัด หรือบั่นทอนออกจากต้น ต้นไม้ที่ถูกตัดโค่น ตัดฟัน พบว่าลำต้นยังใหม่ สด มีเปลือกติด ใบไม้เขียวสดยังไม่แห้งหรือเหี่ยวเฉา น่าเชื่อว่าป่าไม้บริเวณดังกล่าวพึ่งผ่านการตัด และแผ้วถางป่า  แต่กลับไม่พบบุคลใด ยานพาหนะ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตัด การแผ้วถางป่าอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุแต่อย่างใด

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว นางศรีทร  ไปสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวงหาในเบื้องต้น คือ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ประกอบ มาตรา 73 ฐาน “ร่วมกัน ทำไม้สักในป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” , มาตรา 54 ประกอบ 72 ตรี ฐาน “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” , มาตรา 69 ฐาน “มีไม้สักอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 มาตรา 1108 ทวิ  ฐาน “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน” พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 ฐาน “ร่วมกันยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายทันที พร้อมยึดคืนฝืนป่าทั้งหมด 20 ไร่ ค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 1,332,630 บาท และไม้ประดู่ไม้สักอีกหลายสิบท่อนทันที

สำหรับการเข้าจับกุมครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีกลุ่มคนเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และมีการตั้งกลุ่มออกเอกสารสิทธิ์ด้วยตัวเองและเข้าไปครอบครองอย่างเปิดเผยนอกจากนี้ยังมีการแนะนำขาวบ้านที่อยากครอบครองที่ดินให้เสียค่าการดำเนินงานทั้งหมดครั้งละ 6,000 บาท โดยอาศัยที่มีความรู้เรื่องรางวัดที่ดินมาก่อน ชักชวนรวมกลุ่มกับชาวบ้านในพื้นที่ตั้งกลุ่ม ออกโฉนดที่ดินป่าชุมชนกันเอง มีชาวบ้านหลงเชื่อไปกว่า 200 คน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกสืบสวนหาข่าวและพบว่ามีการกระทำในเรื่องดังกล่าวจริงจึงได้เชิญตัวมายังที่เกิดเหตุและควบคุมตัวทันที

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1176 วันที่ 27 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2561)