วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

‘ปลอกแขน’ไม่ใช่‘ปลอกคอ’ สีกากี อย่าบ้าอำนาจ !

จำนวนผู้เข้าชม IP Address


ารจัดการให้สื่อมวลชน ที่จะเข้าไปทำข่าว กลุ่มผู้ชุมนุม “คนอยากเลือกตั้ง” ต้องมีปลอกแขนสีแดง ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สะท้อนแนวคิดอำนาจนิยมชัดเจน  ในการกำหนดวิธีการทำงานของสื่อมวลชน ที่มิใช่หน้าที่หลักของตำรวจ

ก่อนหน้านี้ การเข้าไปทำข่าวในหน่วยงานราชการ หรือกระทั่งข่าวในพระราชสำนัก อย่างน้อยนักข่าวต้องมีบัตรสื่อมวลชน ออกให้โดยกรมประชาสัมพันธ์ คล้ายป้ายอาญาสิทธิ์ ไม่มีบัตรนี้เข้าไปทำข่าวไม่ได้ องค์กรสื่อพยายามต่อสู้เพื่อให้ยอมรับบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวที่ออกให้โดยต้นสังกัด หรือองค์กรวิชาชีพที่สมาชิกผู้นั้นสังกัด แต่ก็ยังไม่เป็นผลมากนัก ครั้งนี้แม้แต่บัตรกรมประชาสัมพันธ์ก็ยังใช้เข้าพื้นที่การชุมนุมไม่ได้

นอกจากนั้น หากสวมปลอกแขนที่ไม่ใช่ ของบชน. หรือไมสวมปลอกแขน .เข้าไปในบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจก็อาจแจ้งความดำเนินคดีฐานเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองโดยผิดกฎหมายได้  ความคิดนี้มาจากสมองของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ซึ่ง “จอกอ” เห็นแย้งแน่นอน เพราะการกระทำที่จะเรียกว่ามีความผิดทางอาญานั้น ไม่ใช่เพียงเจตนาภายนอก คือเข้าไปยืนอยู่ในจุดของผู้ชุมนุม แต่ต้องมีเจตนาภายใน คือเจตนาในการเข้าร่วมชุมนุมด้วย

นี่คือคำขู่ ที่คล้ายผู้ใหญ่หลอกเด็ก และน่าสงสัยว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดอ่าน ที่ปกติหรือไม่

ไม่เพียงเท่านั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังสอนสั่งไม่ให้นักข่าวเสนอข้อมูล ข่าวสาร ที่มีลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

คนทำงานข่าว เขารู้หน้าที่ว่า จะต้องทำอย่างไร เสนอข่าวอย่างไรให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง อย่างครบถ้วนและรอบด้าน  และในสนามข่าววันนั้น ก็ชัดเจนว่า พวกเขาทำหน้าที่เพียงการรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีประเด็นใดที่เป็นการยั่วยุ หรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเลย

ด้วยบริบทของสังคม ที่มีสื่อที่หลากหลาย การบิดเบือนความจริง ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะมันจะเกิดระบบตรวจสอบกันเองโดยอัตโนมัติ ทั้งสื่อด้วยกัน และผู้บริโภคข่าวสาร

ประเด็นสำคัญที่ควรใส่ใจมากกว่าของตำรวจ คือการใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษ ใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยขาดดุลพินิจ มุ่งตอบสนองผู้มีอำนาจมากกว่าการทำหน้าที่ปกติ การชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน มองในมุมคนข่าว กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พวกเขาก็ใช้สิทธิขั้นพื้นฐานนี้

แม้ศาลปกครองจะไม่รับคำร้องให้ตำรวจยกเลิกห้ามม็อบ ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมาย เนื่องจากผู้ฟ้องคดี ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ไม่ใช่การที่ศาลจะไม่สั่งให้ตำรวจยกเลิกห้ามม็อบ หากผู้ฟ้องคดีดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว

การจับกุมผู้ที่แสดงเจตนารมณ์ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว  ด้วยข้อหาจากประกาศ คำสั่ง กฎหมายที่มาจากฐานคิดเผด็จการ จึงเป็นการใช้กฎหมายโดยขัดต่อหลักนิติธรรม คือความเป็นธรรมตามกฎหมาย  และหากมองในแง่สื่อมวลชน รัฐธรรมนูญก็บัญญัติรับรองว่า บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

ดังนั้น การกำหนดเงื่อนไขมากมาย ในการทำข่าว การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง การกำหนดให้มีปลอกแขนเฉพาะของตำรวจ ก็ไม่ต่างไปจาก “ปลอกคอ” จูงสื่อไปในทางที่ตัวเองต้องการ

อำนาจนั้นควรใช้อย่างเหมาะสมและจำเป็น หากใช้อำนาจจนเกินขอบเขต หรือใช้อำนาจล้ำไปในแดนแห่งเสรีภาพ นั่นก็เป็นเพียงสีกากี ที่เป็นเพียงเครื่องมือของผู้มีอำนาจเท่านั้น หาคุณค่าและเกียรติยศอันใดมิได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1180 วันที่ 25 -31 พฤษภาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์