วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อุปกรณ์บังแดด(Shading Device)

จำนวนผู้เข้าชม Counter for tumblr

ในสภาพภูมิอากาศเขตร้อนชื้นที่มีแสงแดดรุนแรง เมื่อแสงแดดสาดส่องโดนผนังบ้านหรือเข้าไปภายในบ้านจะทำให้เกิดความร้อนและทำให้ภายในบ้านมีอุณหภูมิสูงขึ้น การออกแบบเพื่อควบคุมแสงแดดด้วยอุปกรณ์บังแดด นอกจากจะสามารถลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านแล้วยังช่วยปรับปรุงคุณภาพแสงธรรมชาติภายในบ้าน สร้างความสบายทางสายตาโดยการลดความจ้าและความเข้มของแสงแดดลงนอกจากนี้การออกแบบอุปกรณ์บังแดดอย่างมีศิลปะก็จะช่วยให้อาคารมีหน้าตาที่โดดเด่นน่าสนใจได้อีกด้วย อุปกรณ์บังแดดภายนอก เช่น ชายคายื่นเหนือช่องเปิด (overhang) และครีบบังแดดแนวตั้ง (sidefins) สามารถช่วยป้องกันแดดส่วนที่ไม่ต้องการไม่ให้เข้ามาภายในอาคาร ส่วนอุปกรณ์กันแดดภายในอาคารเช่น แผงกันแดด (venetianblinds) ก็สามารถป้องกันแดดได้บางส่วน แต่โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์บังแดดภายในอาคารจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าเพราะแสงแดดได้ผ่านเข้าสู่ตัวบ้านและกลายเป็นความร้อนแล้ว ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรออกแบบให้มีการบังแดดเสียตั้งแต่ภายนอกอาคารเพราะเมื่อแดดผ่านกระจกเข้ามาในอาคารได้แล้วจะเปลี่ยนเป็นความร้อนซึ่งเป็นภาระสำคัญของระบบปรับอากาศ อุปกรณ์บังแดดที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงควรมีสีอ่อนและมีคุณสมบัติในการสะท้อนรังสีอาทิตย์ได้ดีโดยทั่วไปแล้วระบบอุปกรณ์บังแดดภายนอกอาคารจะมี 3 รูปแบบ คือ
 1.    อุปกรณ์บังแดดแนวนอน เหมาะสำหรับหน้าต่างด้านทิศเหนือและทิศใต้จะสามารถบังแสงแดดในช่วงเที่ยงและช่วงบ่ายได้ดีโดยการออกแบบหน้าต่างด้านทิศเหนือจะใช้ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในช่วงเดือนมิถุนายน ส่วนการออกแบบหน้าต่างทิศใต้จะใช้ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในช่วงเดือนธันวาคม เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ทำมุมต่ำที่สุด

2.    อุปกรณ์บังแดดแนวตั้ง เหมาะสำหรับหน้าต่างด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะสามารถบังแสงแดดในช่วงเช้าและช่วงเย็นได้ดี แต่การออกแบบแผงบังแดดในแนวดิ่งเพื่อบังแสงแดดในทุกช่วงเวลานั้นทำได้ยาก เนื่องจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในประเทศไทยในช่วงเวลาต่างๆ ตามแนวทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจะมีมุมที่ต่ำและเบี่ยงเบนมาก

 3.    อุปกรณ์บังแดดแบบผสมเป็นแผงบังแดดที่รวมเอาคุณสมบัติที่ดีของแผงบังแดดแนวราบและแนวดิ่งมาไว้รวมกัน เพื่อให้สามารถป้องกันลำแสงแดดที่ส่องมาได้ตลอดวัน

ในประเทศไทย แสงแดดโดยตรงทางด้านทิศเหนือจะมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นรังสีความร้อนแบบกระจาย               (diffuse radiation) ซึ่งมีความร้อนน้อยกว่า ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจะรับแสงแดดตรงในปริมาณมากและป้องกันได้ยาก ส่วนด้านทิศใต้จะได้รับแสงแดดมากที่สุดตลอดทั้งวัน ดังนั้นการออกแบบอุปกรณ์บังแดดภายนอกอาคารจึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับทิศการติดตั้งแผงบังแดดควรหลีกเลี่ยงการถ่ายเทความร้อนจากแผงบังแดดเข้าสู่ตัวอาคาร โดยให้มีจุดเชื่อมต่อระหว่างแผงบังแดดกับตัวอาคารน้อยที่สุด หรือให้มีช่องว่างระหว่างแผงบังแดดกับตัวอาคารเพียงพอเพื่อให้สามารถระบายความร้อนได้การใช้อุปกรณ์บังแดดภายในอาคารจะไม่สามารถลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่อาคารได้จึงควรใช้เมื่อต้องการช่วยให้เกิดความสบายตาและลดแสงจ้า (glare) เท่านั้น นอกจากการใช้แผงบังแดดภายนอกอาคารแล้ว การปลูกต้นไม้ใหญ่ในบริเวณบ้านก็เป็นอุปกรณ์บังแดดตามธรรมชาติที่ดีมากในการช่วยบังแดดไม่ให้โดนผนัง และช่วยให้อากาศเย็นลงได้อีกด้วย

อยากรู้เรื่องพลังงานสอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานพลังงานจังหวัดลำปาง อาคารศาลากลางจังหวัด ชั้น2  ถ.วชิราวุธดำเนิน  ต.พระบาท  อ.เมือง  จ.ลำปาง โทร. 054 - 265 -159 E- mail : [email protected]

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1179 วันที่ 18 - 24 พฤษภาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์