วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

‘ป้อม’ปะทะ‘แม้ว’ ข่าวใบไม้ไหว !

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ล่วงมาถึงสัปดาห์นี้ บนพื้นที่สื่อ ไม่มีข่าวการปะทะคารม ระหว่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับทักษิณ ชินวัตรแล้ว แม้สักตัวอักษรหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ วาทกรรมของคนสองคนที่สาดใส่กัน เป็นเรื่องครึกโครม วิเคราะห์วิจารณ์กันใหญ่โต เข้าทางทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้เขาไม่หายไปจากสังคมไทย แม้ตัวจะจากแผ่นดินเกิดไปนานปี

“ท่าทีและน้ำเสียงดูขึงขัง น่ากลัว ไม่นุ่มนวล อ่อนหวาน เหมือนตอนมาเกาะขอบโต๊ะ ขอเป็นผบ.ทบ.เลย”

ทวิตเตอร์  Thaksinlive ตอบโต้  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กล่าวพาดพิงทักษิณ ในวาระ 12 ปี รัฐประหาร 19 กันยา  ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนทักษิณ ในประเทศไทยมายาวนาน ทำให้ภาพของเขาโดดเด่นอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำในยุคเผด็จการ ที่ไปแล้ว ไปลับ ไม่กลับมาวุ่นวายอีก แต่สำหรับทักษิณ ชินวัตร เขายังอยู่ในใจของคนไทยเสมอ เขายังมีตัวตนอยู่ในพื้นที่สาธารณะเสมอ ไม่ว่าเราจะยินดีหรือไม่ก็ตาม   

สังคมไทยไม่เคยก้าวข้ามทักษิณ ไปได้เลย สังคมไทยยังคงเชื่อว่าทักษิณ มีอิทธิพลเหนือการเมืองไทย ทุกถ้อย ทุกคำของทักษิณ ทุกความเคลื่อนไหวของทักษิณ ซึ่งวันนี้มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดสอยห้อยตามไปด้วย ถูกตีความ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์  คล้ายเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่ออนาคตการเมืองไทย

สื่อสาธารณะ ที่มิควรฉาบฉวย ให้น้ำหนักกับข่าวใบไม้ไหวนี้ จนเกินราคา ถึงขนาดต้องไปถามความเห็น ให้นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ วิเคราะห์วาทกรรมขอบโต๊ะ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า เป็นการเกทับกัน ซึ่งถูกต้อง แต่เกินความจำเป็นที่ต้องไปถามความเห็นนักวิชาการ ให้ตอบคำถามซึ่งคนธรรมดาทั่วไปก็บอกได้

น่าสงสัยว่า สื่อยุคใหม่ประเมินคุณค่า ให้ความสำคัญกับข่าวที่เพียงรายงานปรากฏการณ์ การรื้อฟื้น ขุดคุ้ยความหลังของคนแก่คนหนึ่งที่หมดอำนาจไปแล้ว กับคนแก่อีกคนหนึ่งที่ยังอยู่ในอำนาจ  เป็นข่าวใบไม้ไหวที่รายงานสั้นๆ พอได้ใจความก็เพียงพอ

แน่นอนว่า Conflict หรือความขัดแย้ง มีองค์ประกอบคุณค่าข่าวที่ควรนำเสนอได้ ถ้านั่นมิใช่เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างบุคคล และควรจะต้องพิจารณาว่า ความขัดแย้งนั้นส่งผลกระทบต่อส่วนรวม ต่อผลประโยชน์สาธารณะ มากน้อยเพียงใด

คนควรสนใจหรือไม่ ปัญหาคืออะไร มีวิธีการแก้ไขความขัดแย้งนี้หรือไม่ เมื่อพิเคราะห์การเมืองปิงปองของคนแก่สองคนนี้แล้ว นอกจากตอบสนองความสะใจของคนแต่ละฝ่าย ที่ถือหางกันแต่ละฝ่ายแล้ว ก็มิได้มีสารประโยชน์อันใดกับสังคมนี้เลย และไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรกับการเมืองไทยทั้งสิ้น

สื่ออาชีพ ทำมาหากิน ด้วยการเฝ้ามอง และเก็บเกี่ยวข่าว จากสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือน้อย มาใช้ในพื้นที่สาธารณะก็น่าตกใจแล้ว การประเมินคุณข่าว จากวาทกรรมที่ไร้สาระ มาเป็นเรื่องจริงจัง ซึ่งอาจทำให้คนสำคัญผิด หรือยังหลงอยู่ในกับดักทักษิณ ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า

พื้นที่สื่อท่วมท้นไปด้วยวาทกรรมความขัดแย้ง เสียดสี ประชดประเทียด ในขณะที่อีกหลายเรื่องราวที่สื่อควรให้ความสำคัญ เกาะติด และรายงานต่อเนื่อง เช่น กรณีทุจริตเครื่องตรวจระเบิด GT 200 หรือปัญหาอุปทานหญิงสาวชาวอังกฤษถูกข่มขืนที่เกาะเต่า กลับแผ่วเบาอย่างยิ่ง

เราถอดบทเรียนเรื่องสื่อกันมามากมาย หลายเรื่อง หลายประเด็น แต่เรายังไม่เคยได้บทเรียนจากข่าวใบไม้ไหวเลย


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1198 วันที่ 28 กันยายน - 4 ตุลาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์