เลืิอกตั้งอึมครึม หาเสียงซึมไร้เงาผู้สมัคร ส.ส. กกต.ยันวันเดิน ทษช.โผล่2เขต

จำนวนผู้เข้าชม

หาเสียงเลือกตั้งซึม  ป้ายโฆษณาบางตา ไร้เงาว่าที่ ส.ส. หวั่นกระแสยุบพรรคกระทบ กกต.ยืนยันได้เลือกแน่ ผู้สมัคร ทษช. โผล่ 2 เขตลำปาง  

หลังจากที่ได้มีการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตไปแล้ว  เมื่อวันที่ 4-8 ก.พ.62  โดยมีผู้สมัครรวมทั้ง 4 เขตจำนวน 117 คน จากพรรคการเมืองประมาณ 35 พรรค  ซึ่งหลังการรับสมัครแล้ว บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่ จ.ลำปาง ยังคงเงียบเหงา ไม่มีการติดตั้งป้ายหาเสียง หรือรถแห่หาเสียงมากนัก  ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมา ซึ่งหากผู้สมัครได้หมายเลขแล้ว ก็จะติดรถและแห่ออกหาเสียงทันที  และมีการติดตั้งป้ายแนะนำตัว แนะนำนโยบายพรรคกันให้เห็นทั่วเมืองลำปาง 

ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้  จะเห็นว่าพรรคที่มีการออกหาเสียงเป็นพรรคแรกๆ คือ พรรคพลังประชารัฐ  ทั้ง 4 เขต มีการออกรถแห่ และติดตั้งป้ายตามจุดต่างๆก่อนใคร  โดยในเขต 1 จะเริ่มเห็นป้ายหาเสียงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ นายจินณ์ ถาคำฟู  เบอร์ 7   รวมไปถึงป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยนายกิตติกร โล่ห์สุนทร  เบอร์ 10   ด้านนางขนิษฐา นิภาเกษม  เบอร์ 2  พรรคประชาธิปัตย์  นายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์  เบอร์ 3  พรรคเพื่อแผ่นดิน   และนายบริบูรณ์ บุญยู่ฮง เบอร์ 13 พรรคภูมิใจไทย  ก็ได้ติดตั้งป้ายแล้วเช่นกัน

ในส่วนของเขต 2 ป้ายหาเสียงของนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร เบอร์ 7 พรรคเพื่อไทย ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว  แต่ผู้สมัครคู่แข่งอย่างนายดาชัย เอกปฐพี เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ ไม่ต้องพูดถึง ติดเบอร์ ติดป้าย และออกรถแห่ตั้งแต่วันแรกของการรับสมัคร  ในขณะที่พรรคอื่นๆมีให้เห็นประปรายเท่านั้น   สำหรับเขต 3 และเขต 4 ยังเงียบเหงา ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สมัครแต่ละเขต จะเดินลงพื้นที่หาเสียงพบปะกับชาวบ้านเองเป็นหลัก ประกอบกับมีการหาเสียงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางใหม่อีกทาง  

ด้านผู้สมัครในเขต 3 รายหนึ่ง กล่าวว่า  การสั่งทำป้ายนั้นต้องให้พรรคเป็นผู้ดำเนินการให้ ซึ่งการจะต้องใช้เวลาเนื่องจากมีผู้สมัครจำนวนมาก  ทำให้ยังไม่มีป้ายเข้ามาติดตั้งให้เห็นกันมากนัก

ขณะที่ผู้สมัครอีกรายหนึ่ง ระบุว่า การจัดทำป้ายหาเสียงต่างๆ จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งผู้สมัครบางพรรคมีงบประมาณสนับสนุนเข้ามากไม่มาก ทุกอย่างจึงเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด การจะเริ่มทำป้ายหาเสียงจึงต้องรอความชัดเจนจาก กกต. ให้ประกาศรับรองเป็นผู้สมัครเลือกตั้งก่อน

นายฐิติพล ทศรฐ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำปาง  เปิดเผยว่า หลังรับสมัครแล้ว ผอ.เขตเลือกตั้งแต่ละเขต จะต้องทำการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครอย่างละเอียดอีกครั้ง และรายงานเข้ามายังสำนักงาน กกต.ลำปาง ให้ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ   ซึ่งเชื่อว่าในจำนวนผู้สมัคร 117 คนของ จ.ลำปาง  น่าจะมีผู้สมัครที่คุณสมบัติไม่ผ่านอยู่บ้าง 

ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนของผู้สมัคร ซึ่งพบว่ายังไม่ออกหาเสียงกันมากนัก  เพราะคงรอประกาศการเป็นผู้สมัครให้ชัดเจนก่อน  ประกอบกับระเบียบปฏิบัติค่อนข้างละเอียด  จึงอาจทำให้ผู้สมัครไม่ค่อยสะดวก  ถึงแม้ว่าจะมีผู้สมัครเยอะ   ในบางคนอาจไมได้หวังว่าจะชนะ ส.ส.เขต  แต่ไปหวัง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคมากกว่า   จึงเป็นลักษณะการเก็บคะแนนจากกลุ่มที่รู้จักมากกว่า เพื่อให้ได้คะแนนรวมให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์   สำหรับการหาเสียงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์  ได้เปิดโอกาสให้ผู้สมัครมาแจ้งกับทาง กกต.  ขณะนี้มีผู้แจ้งมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่ครบตามจำนวนผู้สมัคร  ซึ่งการหาเสียงมีได้หลายวิธีด้วยกันคือ รถแห่หาเสียง การเดินหาเสียง การติดป้าย ติดประกาศต่างๆ  แต่ละคนก็คงจะเลือกวิธีการหาเสียงที่ตัวเองถนัด

ในส่วนการประชาสัมพันธ์ของทาง  กกต.อยู่ระหว่างดำเนินการทำป้ายเชิญชวนไปเลือกตั้ง ติดตามชุมชนต่างๆ  โดยขอความร่วมมือกับท้องถิ่นในพื้นที่  ให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางจอแอลอีดีด้วย  นอกจากนั้นในช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือนมีนาคม จะมีการจัดกิจกรรม Big Day เพื่อประชาสัมพันธ์ใหญ่พร้อมกับทั่วประเทศ เชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิ์ให้มาก   สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องการเลือกตั้งล่วงหน้า  เพราะมีผู้ลงทะเบียนไม่มาก ทั้งประเทศมีผู้มาลงทะเบียนเพียง 5 แสนกว่าคน  จากเป้าที่ตั้งไว้ 2 ล้านคน  เกรงว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งจริง ผู้ที่อยู่นอกเขตจะไม่สามารถไปลงคะแนนได้ และเกิดการเสียสิทธิต่างๆ   นายทศรฐ กล่าว

ผอ.กกต.ลำปาง กล่าวว่า  ยอมรับว่าหลายคนยังกังวลอยู่ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งทุกพรรคก็ต้องระวังและรอความชัดเจนจึงจะออกหาเสียงได้อย่างเต็มที่  แต่สำหรับ กกต.ก็ยังมีความเชื่อมั่น และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่  ซึ่งจากกระแสข่าวต่างๆ ก็อาจทำให้คนคิดกันไปได้ต่างๆนานา  ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.62 ที่ผ่านมา  สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำปาง ได้จัดกิจกรรมการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง  ขึ้นที่โรงแรมลำปางเวียงทอง อ.เมืองลำปาง โดยมีนายสมเกียรติ ตันตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน และมีนายฐิติพล ทศรฐ  ผอ.กกต.ลำปาง กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อให้การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองมีความถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง สร้างกลไกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในการเลือกตั้ง รู้รักสามัคคี เพื่อให้การหาเสียงเป็นไปด้วยความโปร่งใส และประกาศเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริตของพรรคการเมืองโดย  มีผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต  และผู้ติดตาม เข้าร่วมประมาณ 200 คน

ภายในงานมีการบรรยายพิเศษเรื่อง เจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้ง โดยนายรณรงค์ เสาเหม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดลำปาง เน้นย้ำต่อผู้สมัครที่เข้าร่วมประชุมว่า ควรศึกษาระเบียบและข้อมูลการเลือกตั้งและไม่ละเมิดกฎกติกา พร้อมให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนแสดงพลังและเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านทุจริตการเลือกตั้งผ่านการทำสัญลักษณ์ Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต

สำหรับในงานดังกล่าว ได้มีการให้ผู้สมัครในแต่ละเขต ร่วมจับมือประสานกันเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในการเลือกตั้งครั้งนี้  ซึ่งผู้สมัคร ส.ส.ที่เข้าร่วมงาน ส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ จากพรรคการเมืองเล็ก  ส่วนพรรคใหญ่เช่นพรรคเพื่อไทย มีนายกิตติกร โล่ห์สุนทร เข้าร่วม ไร้เงานายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร นายจรัสฤทธิ์ และนายอิทธิรัตน์  จันทรสุรินทร์    ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังขาดนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ผู้สมัครเขต 3   และพรรคภูมิใจไทยก็ไม่เห็นนางสุนี สมมี ผู้สมัครเขต 4 มาร่วมประชุมด้วย  ขณะที่พรรคน้องใหม่ อย่างพรรคอนาคตใหม่  ผู้สมัครมากับครบทั้ง 4 เขต  ขณะเดียวกันผู้สมัครจากพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามอง  โดย จ.ลำปาง มีผู้สมัครลงใน 2 เขต คือ เขต 1 นายเรืองฤทธิ์ แสนจิน  และเขต  3 นายศุภภัทร  มานะทัศน์  ก็ไมได้มาเข้าร่วมกิจกรรมเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม  บรรยากาศการหาเสียงที่ยังไม่มีความคึกคักมากนัก คาดว่าอาจเป็นมีผลพวงมาจากการยื่นเสนอยุบพรรคไทยรักษาชาติ หลังจากยื่นเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรี   ทำให้ผู้สมัครในแต่ละพรรคต้องระวังตัวกันเป็นพิเศษในเรื่องการทำกิจกรรมด้านการหาเสียงต่างๆ  รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าจะมีการเลือกตั้งจริงหรือไม่   จึงต้องรอดูท่าทีและความชัดเจนอีกครั้ง  ซึ่งหลังจากประกาศรับรองผู้สมัครแล้ว น่าจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นก็เป็นได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1217 วันที่ 15 - 21 กุมภาพันธ์ 2562)