วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

นักการเมืองถือหุ้นสื่อ ความไร้สาระของสื่อและนักร้อง

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ารสร้างชื่อตัวเองให้โด่งดังขึ้นมา ด้วยการทำตัวเป็น “นักร้อง” ของนายศรีสุวรรณา จรรยา และอีกหลายคนในสังคมนี้ อาจดูเป็นเรื่องที่สังคมควรสนับสนุน อย่างน้อยก็มีตัวแทนที่ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ถูกต้องชอบธรรม ของสังคมนี้ ลุกขึ้นมาเป็น “หมาเฝ้าบ้าน” ช่วยดูแลบ้าน ในขณะที่คนอื่นๆแม้จะเห็นตรงกัน แต่ก็คร้านที่จะลงทุน ลงแรงไปหาความให้เสียเวลา   นี่ก็อาจนับเป็นเรื่องที่ดีได้

แต่..หากคนๆนั้น อาศัยช่องว่าง ที่คนส่วนใหญ่ทอดธุระ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้ศึกษารายละเอียด ที่บรรดานักร้องทั้งหลาย ไปยื่นร้องเรียนที่นั่น ที่นี่ โดยเฉพาะนายศรีสุวรรณ จรรยา เขาก็จะไม่รู้เลยว่า นี่เป็นการทำให้บ้านเมืองเสียเวลา เสียโอกาสที่จะทำเรื่องอื่นๆที่เป็นสาระมากกว่า รวมทั้งสื่อที่แยกแยะความจริงกับความเท็จไม่ออก ก็กระโดดลงไปในหล่มโคลนให้เรื่องราวเลอะเทอะกันไปใหญ่โต

เรื่องข้อห้ามมิให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อ ห้ามมิให้ผู้สมัครที่มีหุ้นสื่อในมือลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ก็เพราะ คนร่างกฎหมาย ที่ล้วนหัวเก่า โบราณ คร่ำครึ ตามไม่ทันโลกสื่อสารสมัยใหม่ กลัวว่า นักการเมืองจะใช้ความเป็นเจ้าของสื่อ ไปสนับสนุนตัวเอง ไปให้ร้ายใส่ความคู่แข่ง รวมทั้งการมีสื่อในครอบครองจะไปครอบงำ ความคิด ของผู้คน ซึ่งในยุคที่ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในวันนี้ ข้อกังวล ห่วงใยเหล่านั้น ก็กลายเป็นอากาศธาตุ ไม่มีเหตุ ไม่มีผลที่จะต้องพิจารณาอีก

คำตอบก็คือ ไม่ว่านักการเมือง ผู้สมัคร ส.ส.จะถือหุ้นสื่อหรือไม่ ก็ไม่ได้มีผลที่จะไปสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แปลว่า กฎหมายล้าหลัง เหมือนกฎหมายอีกหลายฉบับที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และไม่อาจมีผลบังคับใช้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ยกเลิกไป

บริษัทวีลัคมีเดีย ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกใช้เป็นเงื่อนไขในการบดขยี้ คนและพรรคอนาคตใหม่นั้น เคยผลิตนิตยสาร Who ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของคนดังต่างๆ เคยรับจ้างทำนิตยสาร จิ๊บ จิ๊บ บนเครื่องนกแอร์ และนิตยสารของไทยพาณิชย์

ถึงวันนี้ วีลัคมีเดีย เลิกทำนิตยสารทั้งหมดนี้แล้ว นิตยสารไทยพาณิชย์ ฉบับสุดท้ายพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคม 2561

ไม่แตกต่างไปจาก บริษัท สยาม เทเลโฟน ไดเรคทอรี่ จำกัด ซึ่งร้อยเอกทรงกลด ชื่นชูผล นักร้องอีกคนหนึ่ง ที่ยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการถือหุ้นของนายไพโรจน์ โลห์สุนทร ว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดลำปาง

สยาม เทเลโฟน ไดเรคทอรี่ ปรากฎหนังสือบริคณห์สนธิ ว่ามีวัตถุประสงค์ในการดำเนิจกิจการด้านสื่อด้วย ซึ่งก็เป็นแบบฟอร์มมาตรฐาน สำหรับนิติบุคคลบางประเภท ซึ่งหากไปตรวจสอบแล้ว ก็อาจจะพบ ผู้สมัคร ส.ส.จำนวนมากยังถือหุ้นบริษัทสื่ออยู่ เช่น กรณีที่ พรรคอนาคตใหม่ พบผู้สมัครบางคนของพรรคพลังประชารัฐถือหุ้นสื่อเช่นเดียวกัน เพราะในตอนเริ่มต้นที่จัดตั้งบริษัทและพวกเขามีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นนั้น ไม่ได้ทำกิจการด้านสื่อเลย แต่ก็มีเขียนไว้ในวัตถุประสงค์ โดยที่ไม่มีใครอ่าน

กล่าวเฉพาะ สยาม เทเลโฟน ไดเรคทอรี่ ไม่ปรากฎว่าเคยทำสื่อชนิดใด และในหลักฐานทางทะเบียน ก็ปรากฎสิ้นสภาพความเป็นนิติบุคคลไปนานแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะมองในข้อกฎหมาย หรือข้อเท็จจริง ถ้า กกต.ไม่บ้าจี้ เอาเป็นเรื่องราว เช่นเดียวกับกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่องนี้ก็ไม่มีสาระใดมากไปกว่า ให้นักร้องได้มีชื่อปรากฏในสื่อ

เรื่องสำคัญยิ่งไปกว่าเรื่อง “นักร้อง” ที่เริ่มเป็นลัทธิเอาอย่าง หลายคนไปขุดคุ้ยเรื่องไร้สาระมาสร้างความโด่งดังให้ตัวเอง คือ ความย่อหย่อน ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความน่าเชื่อถือของ กกต.ที่จนถึงวันนี้ ยังเป็นลิงแก้แห แก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ ไม่มีหลักที่จะยึดถือ และไว้วางใจได้

กกต.จะต้องตรวจสอบตัวเองเสียก่อน ที่จะกระโดดไปรับเรื่องราวไร้สาระ เลอะเทอะทั้งหลาย มาเพิ่มความยุ่งยากให้กับตัวเองอีก

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1227 วันที่ 3 - 9 พฤษภาคม 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์