วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

จดหมายเปิดผนึก จากหนังสือพิมพ์บ้านนอก ถึงสามองค์กรสื่อใหญ่เมืองบางกอก

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ายาคติ ของความเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือหนังสือพิมพ์บ้านนอก อาจดูเหมือนอยู่ท้ายๆ ในแถวขององค์กรสื่อ ในท้องถิ่นก็อาจไม่ได้ให้ราคากับหนังสือพิมพ์ในบ้านตัวเองมากนัก ยิ่งภาพใหญ่ สังคมก็ไม่ได้เห็นว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจะมีบทบาท สำคัญอย่างไร และอาจรู้สึกถึงความเป็นชนชั้นล่างในกลุ่มประชากรสื่อ ที่ไม่ได้มีค่า มีความหมายอย่างใด

แต่ในความเป็นจริง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นก็มีฐานะเสมอกับสื่อทั้งประเภทเดียวกัน และประเภทอื่นๆ ศักดิ์ศรีของความเป็นสื่อ ไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของขนาด หรือชื่อเสียงของสื่อนั้นๆ เช่นเดียวกับสื่อบ้านนอกที่เป็นคนส่งข่าวสื่อใหญ่ ก็ไม่ได้แปลว่าจะกลายเป็นชนชั้นสื่อที่สำคัญ และใหญ่โตไปกว่าคนสื่อท้องถิ่นอื่นๆในพื้นที่เดียวกัน

พวกเขาอาจไม่ได้เสนอข่าวระดับชาติ ไม่เป็นที่รู้จักเท่าหนังสือพิมพ์ระดับชาติ พวกเขาไม่ได้เป็นสถาบันสื่อใหญ่โต ไม่มีอิทธิพลที่จะไปชี้นำความคิดของใครได้ และแน่นอนว่า เนื้อหาข่าว ข้อมูล หรือภาพ ที่ถูกผลิตโดยหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ควรจะต้องไม่มีคุณค่า ที่สื่อกระแสหลักจะหยิบฉวยไปใช้ประโยชน์อะไรได้

เรามีความคิดเช่นนั้นมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง องค์กรสื่อใหญ่อย่างน้อย 3 องค์กร  ที่นับเป็นองค์กรสื่อที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจสื่อ มีผลการดำเนินการที่ดี กลับฉกฉวยเอา “ข่าวเดี่ยว” ของลานนาโพสต์ ไปใช้ในสื่อของตัวเองอย่างไม่ละอายใจ ไม่รู้สึก สำนึกผิด แต่กลับใช้เล่ห์เหลี่ยม ใช้วิชามาร ใช้เส้นสาย มาเพื่อปัดความผิดให้พ้นตัว

หากจะวัดความเชื่อถือและการยอมรับความเป็นสถาบันของสื่อ คงจะวัดได้จากสำนึกความรู้สึก ความสามารถที่จะแยก “ผิด” แยก “ถูก” นี่เอง

เพราะสื่อบ้านนอก ไม่เคยลุกขึ้นยืนยันสิทธิของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกว่างานที่ตัวเองคิด งานที่ลงแรงไป แล้วคนอื่น สื่ออื่นเอาไปใช้โดยทำให้สำคัญผิดว่า เป็นข่าวของตัวเอง เป็นเรื่องใหญ่โต ยอมได้ก็ยอมกันไป เราเป็นสื่อเล็กๆ จะไปเรื่องมาก เอาเรื่องเอาความไปด้วยเหตุใด

ความคิดเช่นนี้ เป็นความคิดที่ดูถูก ดูแคลนตัวเอง ไม่เคารพตัวเอง ไม่คิดจะปกป้องสิทธิ์ตัวเอง ทำให้คนข่าวที่หากินแบบมักง่าย ฮึกเหิม สำคัญผิด และเห็นว่าเรื่องขโมยความคิดคนอื่น ขโมยงานคนอื่น เป็นเรื่องปกติธรรมดา จนกลายเป็นสันดานต่อไปก็ทำโดยไม่รู้สึกผิดอะไรอีก

หากเราเคารพนับถือตัวเองอยู่บ้าง เราควรได้รู้ว่าหน้าที่ของความเป็นสื่อ คือหน้าที่ในการพิทักษ์ ปกป้องความถูกต้อง ชอบธรรมของสังคมนี้ โดยไม่ต้องหวั่นเกรงอำนาจอิทธิพลใดๆ เพราะอำนาจอันแท้จริงของคนทำสื่อนั้น คือ “ความถูกต้อง” อำนาจนอกเหนือจากนี้ไม่มี

การพิทักษ์ ปกป้อง ความถูกต้อง ชอบธรรมในเรื่องนี้ ก็เป็นการพิทักษ์ความถูกต้องของคนสื่อบ้านนอกทั้งระบบ มิใช่ลานนาโพสต์

สื่อใหญ่ควรได้ตระหนักว่า การทำผิดและยอมรับผิดนั้น เป็นเรื่องที่สมควรยกย่อง ชื่นชมได้ หาใช่ทำผิดแล้วพยายามใช้วิธีการอันไม่สุจริต แสวงหาทุกวิถีทางที่จะต่อสู้นอกกติกา หรือฟังความเพียงข้างเดียว โดยไม่คิดจะตรวจสอบ ข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน และรอบด้าน อันเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นสื่อที่ดี

การยืนยันสิทธิ์ของลานนาโพสต์ ที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนตั้งแต่ต้นทาง คืองานอันละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ และผู้ใช้งานอันละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในทางคดีอาญา ซึ่งหากผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์มีข้อต่อสู้อย่างไร ก็สู้กันด้วยพยานหลักฐาน อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา

แต่..หากมิใช่การต่อสู้ แต่เป็นความพยายามที่จะบิดเบือนความจริง โดยวิธีการต่างๆนานา ที่แสดงถึงความไม่สุจริต ลานนาโพสต์คงมีเพียงอาวุธชนิดเดียวที่จะต่อสู้กับความไม่สุจริตเหล่านั้น นั่นคือความจริงเท่านั้น

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1227 วันที่ 3 - 9 พฤษภาคม 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์