ประยุทธ์ 2 ซุบเปอร์ยี้

ป่ วยการที่จะคุยว่าต้องตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เห็นภาพลักษณ์ที่ดีของคณะรัฐมนตรี เพราะในที่สุด คณะรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2 ก็ปรากฎภาพคณะรัฐมนตรีที่อัปลักษณ์ยิ่ง โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของเจ้าพ่อ มาเฟีย ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่ว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นจ้าพ่อ หรือมาเฟีย จะยืนยันความใสสะอาด บริสุทธิ์ ของตนเองอย่างไร แต่ภาพในใจที่สะสมมานานของสังคมไทย ก็ยากที่จะปฏิเสธสถานะเช่นนั้น

บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นมาเฟีย และกลายเป็น “สายล่อฟ้า” ของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ คนแรกๆคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส ถือเป็นขุนพลภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ดูแลยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ และเขาก็สามารถนำชัยชนะมาสู่ พรรคพลังประชารัฐได้สำเร็จในหลายจังหวัด ทั้งพะเยา ตาก พิจิตร รวม ส.ส.เขต 25 ที่นั่ง จากที่ตั้งเป้าไว้ 32 ที่นั่ง ยกเว้น เชียงใหม่ และลำปาง

ร.อ.ธรรมนัส เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 36 อนาคตในราชการทหารของ ร.อ.ธรรมนัส ดับวูบลงในปี 2542 หลังมีชื่อพัวพันคดีฆาตกรรมนายพูลสวัสดิ์  จิราภรณ์ นักเรียนนอก  เขาอยู่ในเรือนจำช่วงหนึ่ง แต่ในที่สุดศาลยกฟ้อง หลังรัฐประหารในปี 2557 ร.อ.ธรรมนัส เคยถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  เรียกไปรายงานตัว

แต่คดีที่เป็นประเด็นข้อสงสัยว่า ร.อ.ธรรมนัส ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ คือคดีที่ศาลออสเตรเลีย ตัดสินจำคุก ร.อ.ธรรมนัส ฐานขนยาเสพติด ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า เขาบริสุทธิ์ เป็นเรื่องเข้าใจผิด ในขณะที่นายวิษณุ เครืองาม อธิบายว่าการถูกตัดสินจำคุกโดยคำพิพากษาศาลต่างประเทศ ไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติ

“ผมมีความโชคร้าย เพราะคนที่ถูกจับนั้นอยู่ที่เดียวกับที่ผมอยู่ ผมจึงโดนข้อหารู้ว่ามียาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ไม่ได้โดนข้อหาผลิตยาเสพติด และนำเข้ายาเสพติด ผมปฎิเสธทุกข้อกล่าวหามาตลอด และถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน จนถูกปล่อยออกมาใช้ชีวิตตามปกติในนครซิดนีย์ 4 ปีเต็มๆ…”

ร.อ.ธรรมนัส ปฏิเสธความผิด ในขณะที่พยายามสื่อสารให้เห็นว่า เขาถูกจำคุกในออสเตรเลีย ด้วยความเข้าใจผิด ถูกคุมขังเพียง 8 เดือน และได้รับการปล่อยตัวออกมา เหมือนไม่ได้กระทำความผิด ปัญหาว่า นี่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่

ประเด็นว่า การเป็นผู้ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย ขาดคุณสมบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ คงเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตีความต่อไป แต่อ่านตามรัฐธรรมนูญก็มีประเด็นที่น่าพิจารณาว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์อย่างไร

รัฐธรรมนูญมาตรา 160 (7) บัญญัติว่า รัฐมนตรีต้อง ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

รัฐธรรมนูญไม่ได้ชี้ชัดว่า เป็นการถูกลงโทษโดยศาลใด แต่เขียนว่า แม้คดียังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ ก็เข้าลักษณะต้องห้ามแล้ว เป็นการกำหนดข้อห้ามที่แสดงถึงมาตรฐานสูง แม้คดีไม่ถึงที่สุด และรอการลงโทษก็ถือว่าขาดคุณสมบัติแล้ว

ถ้าแปลความตามเจตนารมณ์ และตัวอักษร ถูกจำคุกในคดีพัวพันฆาตกรรม ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า ร.อ.ธรรมนัส ควรจะดำรงสถานะความเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลนี้อย่างสง่างามต่อไปหรือไม่

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1238 วันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2562)