จะว่าไปแล้วเจ้าไวรัสโควิด-19 วายร้าย ที่กำลังทำชาวโลกปั่นป่วนอยู่ตอนนี้ ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน
นั่นคือ มันทำให้เรามีเวลาคิดถึง มีเวลาทบทวน
(แต่ถ้ามากกว่านี้อาจเข้าขั้นฟุ้งซ่านก็เป็นได้) มีเวลาคิดถึงใครบางคน คิดถึงสถานที่บางแห่ง
หรือแม้แต่วันเวลาที่ผ่านมา
อย่างเช่นตอนนี้ในวันที่อากาศร้อนมากเป็นพิเศษ
กลับรู้สึกคิดถึง “ลำปาง” จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะปฏิทินกิจกรรมประจำปี ช่วยย้ำเดือนว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ที่ “เมืองรถม้า”
มีงานบุญงานประเพณีให้คนในพื้นที่และผู้คนรอบนอกที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
วัฒนธรรม จะมีโอกาสร่วมเปิดประสบการณ์ให้ตัวเองได้เป็นอย่างดี
อย่างที่บอกในตอนแรก
“จังหวัดลำปาง” หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ตลอดเดือนพฤษภาคมของปีนี้
จะอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ เริ่มตั้งแต่ “ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อขุนตาน”
ณ อุทยานประวัติศาสตร์อนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตาน ที่อำเภอห้างฉัตร ต่อด้วย “งานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุดอนเต้า”
ไหว้สาพระเจ้าทองทิพย์เดือนแปดเป็ง ณ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม, “งานประเพณีวันวิสาขบูชา” ตามวัดสำคัญต่างๆ
ของจังหวัดลำปาง รวมถึง “วันป่าไม้แห่งชาติ”
และปิดท้ายกิจกรรมท้ายส่งท้ายเดือนพฤษภาคมด้วย “งานพิธีฉลองสมโภชศาลหลักเมืองลำปาง”
ณ บริเวณศาลหลักเมือง อำเภอเมืองลำปาง...เรียกว่า
มีกิจกรรมให้ร่วมงานกันจนลืมความร้อนของอากาศกันไปเลยทีเดียว
และแม้ว่าเกือบทุกกิจกรรมถูกระงับการจัดงานลงไปด้วยเหตุผลหลักๆ
นั่นคือเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนก็ตาม ดังนั้น วันนี้ขอถือโอกาส
นำประวัติความเป็นมาเป็นไป และความสำคัญของกิจกรรมต่างๆ
มาเล่าสู่กันฟังพอให้คลายความคิดถึงไปบ้าง....
“ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อขุนตาน(พญาเบิก)” เป็นประเพณีล้านนาที่สืบทอดกันมานาน
จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงเกียรติคุณความดี และวีรกรรมของเจ้าพ่อขุนตาน
ร่วมทั้งอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นให้ดำรงสืบไป
ก่อนเข้าสู่งานประเพณีบวงสรวงฯ
ขอย้อนกลับไปในยุคที่การเดินสู่ภาคเหนือของประเทศไทย
คงไม่มีทางไหนสะดวกสบายไปกว่าการเดินทางโดยรถไฟ แน่นอนว่ารถไฟทุกขบวนที่เคลื่อนตัวสู่จังหวัดเชียงใหม่ต้องลอดผ่านอุโมงค์ขุนตาน
ซึ่งได้ชื่อว่ามีความยาวที่สุดในประเทศไทย เพราะเป็นเส้นทางบังคับ ตำนานของ
“เจ้าพ่อขุนตาน” จึงแล่นผ่านเข้าหูสู่สมองมาเป็นระยะ หรือแม้แต่ปัจจุบันถ้าเลือกเดินทางรถทัวร์หรือขับรถยนต์ไปเอง
เมื่อรถยนต์ผ่านมาถึงจุดตรงนี้ รถทุกคันต้องบีบแตรยาวๆ นัยว่าเพื่อสักการะให้เจ้าพ่อขุนตานคุ้มครองตลอดเส้นทางนั่นเอง
และเมื่อได้ลองศึกษาประวัติของ
“เจ้าพ่อขุนตาน” จึงทราบว่าเดิมทีมีนามว่า “พญาเบิก” เป็นราชบุตรของ พญายีบา
เจ้าเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) ในราชวงศ์จามเทวี ซึ่งธรรมเนียมและราชประเพณีของราชวงศ์จามเทวี
ราชบุตรองค์ใดก่อนจะขึ้นครองนครหริภุญชัย (ลำพูน) สืบต่อในราชวงศ์ จามเทวี จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นยุพราชไปครองเมืองเขลางค์นคร
(ลำปาง) เสียก่อน ในปี พ.ศ.1814 ครั้งที่ พญายีบา
เป็นเจ้าเมืองนครหริภุญชัย ก็ได้ให้ พญาเบิก ราชบุตรไปครองเมือง เขลางค์นคร
จนกระทั่งปี พ.ศ.1824 กองทัพพญาเม็งราย เจ้าเมืองเชียงราย
และเจ้าเมืองฝางได้ยกไพร่พลมาตีเมืองหริภุญชัยแตกและยึดเมืองได้ พญายีบา จึงเสด็จหนีไปพึ่งพญาเบิกผู้เป็นราชบุตรที่เมืองเขลางค์นคร
พญาเบิกเจ้าเมืองเขลางค์นครจึงสะสม
ไพร่พลเพื่อป้องกันความมั่นคงของเมืองเขลางค์นคร จึงไปสร้างเมืองต้านศึกขึ้นในบริเวณพื้นที่แห่งหนึ่งในเขตอำเภอห้างฉัตรใกล้ทิวเขาใหญ่
เมืองนั้นต่อมามีนามว่า “เวียงต้าน” ส่วนทิวเขาสูงยาวเหยียดคั่นระหว่าง
ลำปางและลำพูน ซึ่งเป็นแนวทางวางกำลังไพร่พล เพื่อที่จะตีสกัดกองทัพพญาเม็งราย
ต่อมาเรียกว่า “ดอยขุนต้าน” (ดอยขุนตาลในปัจจุบัน
จากการสู้รบที่เมืองต้านศึกทำให้
พญาเบิก พ่ายแพ้เสียทัพอย่างสิ้นเชิง จึงถูกจับได้ก็ไม่อาจใช้ศาสตราวุธใดๆ
ปลงพระชนม์ได้เนื่องจากคงกระพันชาตรีเป็นที่ยิ่ง
ทหารจึงนำตัวพญาเบิกไปขุดหลุมฝังทั้งเป็นจนสิ้นพระชนม์ (ที่มา นายอุดม สืบหล้า)
จากประวัติศาสตร์นี้ จึงทำให้มีการสร้างอุทยานประวัติศาสตร์เจ้าพ่อขุนตาน
(พญาเบิก) ที่ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง และสร้างศาลเจ้าพ่อขุนตานในพื้นที่หมู่บ้านห้างฉัตรเหนือ
ในอำเภอเดียวกัน เพื่อเป็นศุนย์กลางทางความเชื่อและความศรัทธารวมถึงเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้าน
นอกจากเรื่องราวและสถานที่ทางประวัติศาสตร์แล้ว
ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าว ยังมีวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพ่อขุนตาน
ที่ยึดเป็นศูนย์กลางของชุมชนยังคงรักษาและสืบทอดมาถึงปัจจุบัน อาทิ “พิธีกรรมไขประตูดอย” เป็นภูมิปัญญาแห่งการจัดการน้ำ “พิธีกรรมเลี้ยงห้วยเลี้ยงฮ่อง” เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
“พิธีกรรมหลงใหม่และวังอี่นา” เป็นพิธีกรรมเกี่ยวข้องกับธรรมชาติเป็นภูมิปัญญาแห่งการเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง
”พิธีแห่ช้างเผือก” เป็นการแสดงถึงภูมิปัญญาแห่งการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนบนความเชื่อความศรัทธามานับหลายร้อยปี
รวมถึง “พิธีแห่หอผ้า” ประเพณีวัดดอยนาย(ปางม่วง)
และสุดท้ายคือ “ประเพณีแห่บอกไฟ” โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ยึดปฏิบัติเฉพาะในอำเภอห้างฉัตรเท่านั้น
และอีกเช่นกัน
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ในงาน “ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อขุนตาน(พญาเบิก)”
ยังมีการแสดงวิถีชีวิตกลุ่มแม่บ้านการแสดง ศาสตราคู่แผ่นดินเขลางค์ โดย
ชมรมศาสตราอาวุธโบราณจังหวัดลำปาง การแสดง ก๋องปูจาเบิกฟ้าเขลางค์นคร
การแสดงของช้าง โดยสถาบันคชบาลแห่งชาติ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
อำเภอห้างฉัตรและมหรสพมากมาย เช่น ซอพื้นเมือง การแสดงรำวงย้อนยุค การแสดงนิทรรศการประวัติเจ้าพ่อขุนตานและศาสตราคู่แผ่นดินเขลางค์
การแข่งขันทำอาหารพื้นเมือง ฯลฯ
เป็นกิจกรรมสันทนาการควบคู่กับการจัดกิจกรรมตามประเพณี
สัปดาห์หน้าจะมาเล่าถึงงานบุญงานประเพณีอื่นๆ
ที่น่าสนใจของ “ลำปาง” ให้หาย “คิดถึง” อีกมากมาย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น